3 ธันวาคม 2563 | 12:43 Efinancethai

ม.หอการค้าไทยเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค พ.ย.63 ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 อยุ่ที่ 52.4 สูงสุดในรอบ 9 เดือน รับโครงการ “คนละครึ่ง” และราคาพืชผลทางการเกษตรดีขึ้น
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ในฐานะประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ผลเผยสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือนพ.ย.63 ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค (Consumer Confidence Index: CCI) ปรับดีขึ้นอีกครั้ง โดยปรับตัวดีขึ้นจากระดับ 50.9 เป็น 52.4และดัชนีความเชื่อมั่นในอนาคต ปรับดีขึ้นจากระดับ 58.5 มาอยู่ที่ระดับ 60.1 ซึ่งอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าปกติ (คือ 100) สะท้อนให้เห็นว่า ผู้บริโภคยังขาดความเชื่อมั่นอย่างมากเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยในอนาคต
ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทุกรายการปรับดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 และปรับตัวอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 9 เดือนนับตั้งแต่เดือนมี.ค.63 เป็นต้นมา เนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลโดยเฉพาะโครงการ “คนละครึ่ง” และราคาพืชผลทางการเกษตรหลายรายการปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้กำลังซื้อในหลายจังหวัดเริ่มปรับตัวดีขึ้น
แม้ว่าผู้บริโภคจะมีความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพทางการเมืองไทยหลังจากมีการชุมนุมทางการเมืองหลายครั้งในเดือน ต.ค.63 จนทำให้ดัชนีความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองปรับตัวต่ำสุดในรอบ 171 เดือนหรือ 14 ปี 3 เดือน และผู้บริโภคยังมีความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้าและการว่างงานในอนาคตที่เกิดจากผลกระทบเชิงลบจาก COVID-19
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสหางานทำโดยรวม และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ระดับ 45.6 50.0 และ 61.6 ตามลำดับ โดยปรับตัวดีขึ้นทุกรายการเมื่อเทียบกับดัชนีในเดือนต.ค.63 ที่อยู่ในระดับ 43.9 49.0 และ 59.9 ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม ดัชนียังอยู่ในระดับต่ำกว่าปกติ (ที่ระดับ 100) แสดงว่าผู้บริโภคยังไม่มีความมั่นใจเกี่ยวกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ โอกาสในการหางานทำ และรายได้ในอนาคตอย่างมาก เพราะมีความกังวลในวิกฤต COVID-19 และสถานการณ์การเมืองในประเทศไทย ส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจไทยและการจ้างงานถดถอยลง ซึ่งจะทำให้รายได้ในอนาคตของผู้บริโภคลดลงในที่สุด
ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจคาดว่าผู้บริโภคยังคงชะลอการใช้จ่ายอย่างมากไปอย่างน้อยจนถึงไตรมาสที่ 1/64 จนกว่าสถานการณ์ COVID-19 ของโลกจะคลายตัวลง ซึ่งต้องติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของที่เป็นรูปธรรมชัดเจนในช่วงไตรมาสที่ 4/63ว่าสามารถพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยได้มากน้อยเพียงใด และสถานการณ์ทางการเมืองของไทยจะดีขึ้นหรือแย่ลงอย่างไร ซึ่งปัจจัยทั้งสองจะมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในอนาคตเป็นอย่างมาก
เรียบเรียง จารุวรรณ เอี่ยมยิ่งพานิช
อนุมัติ อนุรักษ์ ลีประเสริฐสุนทร