อังคารที่ 17 มีนาคม 2563 เวลา 07.17 น. เดลินิวส์

รัฐบาลมาเลเซียไม่อนุญาตให้พลเมืองออกนอกประเทศ และงดรับชาวต่างชาติเป็นเวลาอย่างน้อย 14 วัน เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งตอนนี้มาเลเซียมีสถิติผู้ป่วยมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 17 มี.ค. ว่านายกรัฐมนตรีมูห์ยิดดิน ยาสซิน แถลงผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ เรื่องการระงับตรวจลงตราให้กับพลเมืองต่างชาติ และไม่อนุญาตให้ชาวมาเลเซียเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เริ่มวันพุธที่ 18 มี.ค. นี้ เบื้องต้นมาตรการดังกล่าวมีผลบังคับใช้เป็นเวลา 14 วัน หรือ 2 สัปดาห์
The Star
ขณะที่พลเมืองมาเลเซียในต่างประเทศซึ่งเดินทางกลับภูมิลำเนาในระยะนี้ ต้องกักตัวเป็นเวลา 14 วัน ด้านโรงเรียน สถานที่เกี่ยวข้องกับศาสนา สถานที่ราชการ บริษัทและห้างร้าน ให้ปิดทำการตั้งแต่วันพุธนี้เช่นกัน และมีผลบังคับใช้จนถึงวันที่ 31 มี.ค. นี้ แต่ยกเว้นซูเปอร์มาร์เก็ต ธนาคาร สถานีบริการน้ำมัน และร้านขายยา ให้เปิดดำเนินการตามปกติ
นอกจากนี้ ผู้นำมาเลเซียยังประกาศลดค่าไฟฟ้าเป็นเวลา 6 เดือน จ่ายเงินช่วยเหลือครอบครัวซึ่งมีรายได้ต่ำ และมอบเงินสนับสนุนให้กับแรงงานอย่างน้อย 33,000 คน ซึ่งได้รับการยืนยันแล้วว่าต้องหยุดงานอย่างไม่มีกำหนดโดยไม่ได้รับค่าตอบแทน ซึ่งมาตรการด้านเศรษฐกิจเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจมูลค่า 20,000 ล้านริงกิต ( ราว 149,483.78 ล้านบาท ) ที่มีการประกาศเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ มูห์ยิดดินกล่าวว่ามาตรการทั้งหมดดังกล่าวเป็นการอาศัยอำนาจตามความในพระราชบัญญัติควบคุมการเคลื่อนไหวในภาวะวิกฤติ โดยรัฐบาลพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้วมีความเห็นว่า ไม่อาจปล่อยให้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ “โควิด-19” ในมาเลเซีย “เลวร้ายมากไปกว่านี้ได้” ขอให้ประชาชนเข้าใจและยอมรับ ตลอดจนให้ความร่วมมือกับภาครัฐ
The Star
ปัจจุบันมาเลเซียเป็นประเทศซึ่งมีจำนวนผู้ป่วยจากโรคโควิด-19 สะสมสูงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คืออย่างน้อย 566 คน และรักษาหายแล้ว 42 คน ส่วนใหญ่มีความเกี่ยวข้องกับงานชุมนุมทางศาสนา ที่มัสยิศรีเปตาลิง ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ระหว่างวันที่ 27 ก.พ. ถึง 2 มี.ค.ที่ผ่านมา.
เครดิตภาพ : AP
CR: เดลินิวส์