กนง.ห่วงโควิดรอบ 3 ทำศก.อ่วม – หนี้ครัวเรือนพุ่ง ฝากแบงก์หาแผนช่วย

19 พ.ค. 64 14:24 น. สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

   กนง.ชี้เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มชะลอลง เหตุโควิดระลอก 3 รุนแรงกว่าคาด พร้อมห่วงภาคครัวเรือน รายได้ลด ภาระหนี้สูง แนะแบงก์ช่วยมากกว่าพักหนี้ระยะสั้น เน้นสร้างรายได้-ลดค่าใช้จ่าย เสริมสภาพคล่อง

   รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เผยแพร่รายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวชะลอลงมาจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกที่ 3 ที่รุนแรงกว่ารอบที่ผ่านมา ซึ่งกระทบต่อการใช้จ่ายในประเทศและแนวโน้มการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยว จากมาตรการควบคุมการระบาดและการกลายพันธุ์ของไวรัสที่ระบาดเป็นวงกว้างง่ายขึ้น ส่งผลให้การควบคุมการแพร่ระบาดทำได้ยากขึ้นและระยะเวลาที่ใช้ในการฉีดวัคซีนให้ถึงระดับสร้างภูมิคุ้มกันหมู่นานขึ้น

   ขณะที่ตลาดแรงงานมีแนวโน้มเปราะบางมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มลูกจ้างในภาคบริการและผู้ประกอบอาชีพอิสระรายได้ลดลง อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยยังมีแรงขับเคลื่อนสำคัญจากการส่งออกสินค้าที่ขยายตัวได้ดีทุกหมวดและทุกตลาดส่งออกตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจคู่ค้า

   สำหรับปัจจัยเสี่ยงของไทย คือ การจัดหาและกระจายวัคซีน รวมถึงประสิทธิผลของวัคซีนที่จะส่งผลต่อระยะเวลาที่จะเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ และการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ การฟื้นตัวที่แตกต่างกันและไม่ทั่วถึงมากขึ้นจากการระบาดระลอกใหม่ส่งผลให้ตลาดแรงงานเปราะบางมากขึ้นจากแรงงานบางส่วนที่ว่างงานนานขึ้น ซึ่งจะกระทบศักยภาพการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระยะยาวหลังการระบาดสิ้นสุดลง

   นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงจาก ฐานะการเงินที่เปราะบางเพิ่มเติมโดยเฉพาะธุรกิจเอสเอ็มอี และธุรกิจท่องเที่ยวที่มีความสามารถในการชำระหนี้ลดลงตามรายได้ที่ลดลง อีกทั้งบางธุรกิจที่ฐานะการเงินเปราะบางอยู่ก่อนแล้วและถูกซ้ำเติมจากการระบาดระลอกใหม่อาจมีสภาพคล่องไม่เพียงพอ และความต่อเนื่องของแรงสนับสนุนจากมาตรการภาครัฐ

   ด้านเสถียรภาพระบบการเงินที่เปราะบางอยู่ก่อนได้รับผลกระทบเพิ่มเติม โดยภาคครัวเรือนไทยเปราะบางมากขึ้น จากที่มีสัดส่วนหนี้ต่อรายได้สูงอยู่ก่อนแล้วและสูงกว่าประเทศอื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหนี้อุปโภคบริโภคที่อัตราดอกเบี้ยสูง ทำให้ภาระผ่อนชำระต่อเดือนสูง นอกจากนี้ ครัวเรือนมีสัดส่วนเงินออมต่อรายได้ลดลง โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบอาชีพอิสระและลูกจ้างในภาคบริการ ทำให้สามารถรองรับค่าใช้จ่ายลดลง

   อย่างไรก็ตาม มองไปข้างหน้า เศรษฐกิจไทยยังมีความเสี่ยงจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่จะซ้ำเติมรายได้และฐานะทางการเงินของลูกหนี้ที่เปราะบางอยู่แล้ว ให้ลูกหนี้ที่มีความเสี่ยงในการชำระหนี้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และหากไม่ได้รับความช่วยเหลืออย่างเหมาะสมอาจส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังมูลหนี้อื่นได้

   แต่ทั้งนี้ มองว่า ผลกระทบจากปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวต่อเสถียรภาพระบบการเงินในภาพรวมยังมีจำกัด แต่ต้องติดตามคุณภาพหนี้ครัวเรือนที่อาจด้อยลง รวมถึงความเสี่ยงที่สถาบันการเงินอาจชะลอการปล่อยสินเชื่อให้กับภาคครัวเรือนและธุรกิจที่มีความเสี่ยงด้านเครดิตสูงขึ้นในระยะข้างหน้า

   ขณะเดียวกัน คณะกรรมการฯ เห็นว่า โจทย์สำคัญที่สุดต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน คือ การจัดหาและกระจายวัคซีนให้เพียงพอ และทันการณ์ โดยมองว่า หากกระจายวัคซีนได้เร็วจะทำให้เศรษฐกิจไทยในช่วงปี 64-65 ขยายตัวได้เพิ่มขึ้นประมาณ 3-5.7% เนื่องจากหากควบคุมการระบาดได้ จะทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจและอุปสงค์ในประเทศกลับมาฟื้นตัวได้เร็วและช่วยให้สามารถเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้

   นอกจากนี้ การฉีดวัคซีนที่เพียงพอจะช่วยลดโอกาสการเกิดการระบาดระลอกใหม่ ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจไทยสามารถฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง และเอื้อให้ภาครัฐสามารถผลักดันนโยบายเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจให้สอดคล้องกับบริบทหลังโควิดได้อย่างเต็มที่

   ด้านการช่วยเหลือลูกหนี้ แม้ที่ผ่านมาสถาบันการเงินได้ให้ความช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยในระดับหนึ่ง แต่ส่วนใหญ่เป็นการพักชำระหนี้ซึ่งช่วยบรรเทาปัญหาเพียงระยะสั้นเท่านั้น จึงเห็นควรให้สถาบันการเงินเร่งช่วยเหลือลูกหนี้เพิ่มเติม ซึ่งระยะสั้นควรมีมาตรการลดภาระหนี้และมาตรการสร้างรายได้และลดค่าใช้จ่าย เพื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่ครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบ

   นอกจากนี้ให้สถาบันการเงินเพิ่มทางเลือกในการปรับโครงสร้างหนี้ที่เหมาะสมกับความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ เพิ่มช่องทางการขอรับความช่วยเหลือด้านสินเชื่อโดยเฉพาะผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (แบงก์รัฐ) และผู้ให้บริการทางการเงินอื่น (นอนแบงก์) ที่มีบทบาทในตลาดสินเชื่อรายย่อยสูง ส่วนระยะยาวต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเพื่อให้มาตรการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืน โดยเน้นป้องกันปัญหาการก่อหนี้เกินตัว การส่งเสริมความรู้ทางการเงิน การเพิ่มทางเลือกในการลดภาระหนี้ เช่น การส่งเสริมตลาด รีไฟแนนซ์ สินเชื่อรายย่อย รวมถึงมีมาตรการสร้างรายได้อย่างยั่งยืน และส่งเสริมการออมระยะยาว

รายงาน    ภัทราภรณ์ เกียรตินันท์ 
เรียบเรียง  สุรเมธี มณีสุโข 
อนุมัติ     อนุรักษ์ ลีประเสริฐสุนทร 

Cr. efinancethai