24 ก.ค. 63 12:30 น. สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

พาณิชย์ เผยส่งออกมิ.ย.ติดลบ 23.17% ต่ำสุดในรอบ 131 เดือน ยานยนต์ – น้ำมัน – ไฟฟ้ากดดัน ด้านนำเข้า ลบ 18.05% แต่ยังเกินดุลการค้า 1.6 พันล้านดอลล์ ย้ำการค้าระหว่างปท.ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว ส่วนทั้งปีรับมีโอกาสติดลบ 8-9%
นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า เปิดเผยการแถลงข่าวการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือนมิ.ย. และครึ่งปีแรกของปี 63 ว่า การส่งออกในเดือนมิ.ย. 63 มีมูลค่า 16,444 ล้านดอลลาร์ ติดลบ 23.17% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 และต่ำสุดในรอบ 131 เดือน หรือเกือบ 11 ปี นับตั้งแต่ ม.ค. 52 ขณะที่ครึ่งแรก (ม.ค.-มิ.ย.) มีมูลค่า 114,343 ล้านดอลลาร์ ติดลบ 7.09%
ขณะที่การนำเข้าในเดือนมิ.ย. มีมูลค่า 14,834 ล้านดอลลาร์ ติดลบ 18.05% ด้านครึ่งปีแรกมีมูลค่า 103,642 ล้านดอลลาร์ ติดลบ 12.62% ส่งผลให้ดุลการค้ามิ.ย.เกินดุล 1,610 ล้านดอลลาร์ และครึ่งปีแรกเกินดุล 10,701 ล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม การส่งออกในเดือนมิ.ย. ที่ลดลง แต่ในภาค Real Sector เริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า โดยเมื่อหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และอาวุธ การส่งออกจะติดลบ 17.2% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ติดลบ 27.19%
สำหรับภาพรวมการส่งออกในไตรมาส 2/63 ติดลบ 15.2% จากการติดลบของกลุ่มรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ สินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน และเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นหลัก เนื่องจากผู้บริโภคชะลอการซื้อสินค้าฟุ่มเฟือย ในช่วงการระบาดของไวรัสโควิด-19 ขณะที่การส่งออกทองคำในไตรมาส 2 ยังคงเป็นบวกจากปัจจัยความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก
“แม้สัญาณการส่งออกจะเริ่มดีขึ้น และผ่านจุดต่ำสุดแล้วในเดือนก่อนหน้า แต่ยังมีปัจจัยที่กดดัน ทั้งความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก หลายประเทศยังมีการระบาดของไวรัสโควิด-19 รวมถึงราคาน้ำมันแม้จะฟื้นตัวแต่ยังไม่มาก จึงยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่กดดันการส่งออก ซึ่งมองว่าแม้การส่งออกจะเริ่มฟื้นตัวแต่คงไม่ฟื้นเร็ว และหากช่วงที่เหลือการส่งออกอยู่ที่ประมาณ 16,000 ล้านดอลลาร์ จะทำให้ทั้งปีคงแย่กว่าที่เคยประเมินไว้”นางสาวพิมพ์ชนก กล่าว
นางสาวพิมพ์ชนก กล่าวว่า ในปีนี้ ยอมรับว่า มีโอกาสที่การส่งออกจะติดลบ 8-9% ซึ่งมากกว่าที่เคยประเมินไว้ว่าจะติดลบถึง 6% โดยครึ่งปีหลังยังมีปัจจัยท้าทายและกดดัน ทั้งการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลต่อกำลังซื้อลดลงของประชาชน แม้ว่าหลายประเทศในเอเชียจะเริ่มฟื้นตัวดี แต่ยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดการล็อกดาวน์จากการแพร่ระบาดรอบสอง
นอกจากนี้ ยังต้องติดตามความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ สหรัฐ-จีน และจีน-อินเดีย ที่สร้างความไม่แน่นอนต่อนโยบายการค้าและเศรษฐกิจโลก และการแข็งค่าของเงินบาท ที่จะส่งผลต่อขีดความสามารถทางการแข่งขันด้านราคา
ในขณะที่ปัจจัยสนับสนุนการส่งออก ประกอบด้วย การขนส่งสินค้าที่คล่องตัวขึ้น โดยเฉพาะการค้ากับประเทศเพื่อนบ้าน โดยไทยและประเทศเพื่อนบ้านต่างเริ่มผ่อนคลายเปิดจุดผ่านแดนสำคัญๆให้สามารถทำการขนส่งสินค้าได้หลายช่องทาง ซึ่งขณะนี้หลายขุดกลับมาเปิดดำเนินการได้เกือบทั้งหมดแล้ว
ขณะเดียวกัน ยังมีปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่ภาครัฐออกมาอย่างต่อเนื่อง จะช่วยกระตุ้นให้การใช้จ่ายของประชาชนฟื้นตัว ทั้งนี้ คาดว่าการส่งออกไปจีนจะยังขยายตัวได้ตามแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ และการควบคุมการแพร่ระบาดได้ดี ในขณะเดียวกัน ตลาดสหรัฐกลับมาขยายตัวตามการเร่งเปิดเศรษฐกิจ
“ทั้งนี้ ต้องร่วมกันผลักดันการส่งออกในครึ่งปีหลัง โดยจะพยายามผลักดันให้การส่งออกในแต่ละเดือนมีมูลค่า 18,000 ล้านดอลลาร์ ทั้งการช่วยเหลือเอสเอ็มอี การสนับสนุนการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าและบริการในต่างประเทศ รวมถึงการเข้าร่วมกิจกรรมสร้างโอกาสทางการค้าและเครือข่ายทางธุรกิจในต่างประเทศ”นางสาวพิมพ์ชนก กล่าว
รายงาน ภัทราภรณ์ เกียรตินันท์
เรียบเรียง สุรเมธี มณีสุโข
อนุมัติ อนุรักษ์ ลีประเสริฐสุนทร
