สิงคโปร์, 24 เมษายน 2019

ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีในยุคปัจจุบัน ช่วยให้การกระทำทุจริตเกิดได้ยากขึ้น และภาครัฐรวมถึงเอกชนก็มีความพยายามปรับปรุงกระบวนการทำงานให้โปร่งใสมากขึ้น และประชาชนเองก็มีส่วนร่วมในการตรวจสอบกระบวนการทำงาน มีการแจ้งเบาะแสการทุจริต หน่วยงานต่าง ๆ มีการเข้ารหัสเพื่อความปลอดภัยในระดับต่าง ๆ มีการเปิดข้อมูลรายการทรัพย์สินของบุคคลและหน่วยงาน แต่เมื่อเทคโนโลยีนั้นมีความก้าวหน้ามากขึ้นเพียงใด ภัยร้ายจากโลกออนไลน์ก็มีความรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น เช่น การหลอกลวงผ่านโลกออนไลน์ โดยนางมาร์ตา เฮอร์เรรา ประธานคณะทำงานต่อต้านการทุจริตและโปร่งใสของเอเปก APEC Anti-Corruption and Transparency Working Group (ACTWG) กล่าวว่า “แม้ว่าความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีจะมีประโยชน์ในการต่อสู้กับการคอร์รัปชัน แต่ก็ต้องพิจารณาด้วยว่าข้อมูลที่ได้รับผ่านเว็บไซต์อาจไม่ได้น่าเชื่อถือเสมอไป”
การเปลี่ยนผ่านของเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทำให้มีวิธีใหม่ ๆ เกิดขึ้นมาเพื่อรับมือกับปัญหา คอรัปชัน พร้อมกันนั้น การฉ้อโกงออนไลน์ก็มีความซับซ้อนมากขึ้นโดยการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ รวมถึงระบบการชำระเงินออนไลน์บันทึกการทำธุรกรรมต่าง ๆ หรือ blockchain และสกุลเงิน ดิจิทัล ที่มีการเข้ารหัส ซึ่งล้วนเป็นภัยร้ายที่แอบแฝงอยู่ ด้วยเหตุนี้เอเปกจึงสนับสนุนการป้องกันภัยทางออนไลน์ มีการตรวจสอบการชำระเงินและการทำธุรกรรม ซึ่งเป็นมาตรการที่ช่วยป้องกันการฟอกเงินระหว่างประเทศและการทำธุรกรรมผิดกฎหมายอื่น ๆ ซึ่งการร่วมมือกัน จะมีการส่งผู้กระทำผิดข้ามแดนเพื่อรับโทษตามกฎหมาย มีการอายัดทรัพย์ของผู้กระทำผิด ซึ่งทำให้สมาชิกทั้ง 21 เขตเศรษฐกิจของเอเปก สามารถวางแผนทำงานด้านการต่อต้านการทุจริตร่วมกันได้อย่างสะดวก โดยการร่างระเบียบข้อบังคับกลางเพื่อต่อต้านการทุจริตเพื่อให้ชาติสมาชิกนำไปใช้ ซึ่งเครือข่ายต่อต้านการกระทำทุจริตของเอเปกนี้ จะมีการการประชุมร่วมกันระหว่างสมาชิก ในเดือนสิงหาคม 2019 นี้ โดยมีชิลีเป็นผู้นำในประเด็นดังกล่าว
ที่มา : APEC Secretariat สำนักงานเลขาธิการเอเปก
บทความภาษาไทยโดย สถาบันอาณาบริเวณศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
