หน่วยสนับสนุนนโยบายเอเปค
นครซานฟานซิสโก สหรัฐอเมริกา
12 พฤศจิกายน 2023

การเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเปคกำลังแสดงสัญญาณที่ดีขึ้น โดยคาดว่าจะเติบโตร้อยละ 3.3 ในปี 2023 เมื่อเทียบกับร้อยละ 2.6 ในปี 2022 ตามรายงานการวิเคราะห์แนวโน้มภูมิภาคของเอเปค (APEC Regional Trends Analysis report) ฉบับล่าสุด
รายงานโดยหน่วยสนับสนุนนโยบายเอเปคอธิบายว่า การฟื้นตัวของการท่องเที่ยวและการบริโภคภายในประเทศกำลังขับเคลื่อนกิจกรรมทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม มรดกจากโรคระบาด อัตราเงินเฟ้อ หนี้ที่สูงขึ้น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ลัทธิกีดกันทางการค้า ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และการกระจายตัวทางเศรษฐกิจยังคงบดบังแนวโน้มที่ดีขึ้น
“เอเปคมีสัญญาณที่ดี แต่กำลังเดินไต่เชือกท่ามกลางความเสี่ยงขาลง” คาร์ลอส คูริยามา (Carlos Kuriyama) ผู้อำนวยการหน่วยสนับสนุนนโยบายเอเปคกล่าว
เขาเสริมอีกว่า “การเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาคยังคงไม่คงที่ แม้ว่าเรากำลังมองหาการเติบโตทางเศรษฐกิจที่มั่นคงมากขึ้นในปีต่อ ๆ ไป”
อัตราเงินเฟ้อลดลงเหลือร้อยละ 3.4 ในเดือนกันยายน 2023 เทียบกับอัตราร้อยละ 6.6 ที่บันทึกไว้ในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว รายงานระบุว่าการเพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา และเตือนว่าอัตราเงินเฟ้ออาจทำให้เศรษฐกิจของภูมิภาคแย่ลง โดยเฉพาะจากข้อจำกัดในการส่งออก ปัญหาเกี่ยวกับห่วงโซ่อุปทานปุ๋ย และสภาพอากาศที่ส่งผลกระทบต่อผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรบางชนิด
“เพื่อต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อที่เรื้อรัง สมาชิกเอเปคหลายแห่งได้ดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้นโดยการเพิ่มอัตราดอกเบี้ย” เรียอา ซี. เฮอร์นันโด (Rhea C. Hernando) นักวิเคราะห์จากหน่วยสนับสนุนนโยบายเอเปคและผู้เขียนร่วมของรายงานกล่าว
รายงานเน้นถึงความสำคัญของการสื่อสารที่ชัดเจนจากผู้กำหนดนโยบายในการตัดสินใจทางการเงินเพื่อจัดการความคาดหวัง นอกจากนี้ ยังตั้งข้อสังเกตอีกว่ารัฐบาลจำเป็นต้องรักษาความรอบคอบทางการคลังด้วยการใช้จ่ายที่ตรงเป้าหมาย เพื่อปกป้องประชากรกลุ่มเปราะบางและสร้างเขตกันชนทางการคลังขึ้นมาใหม่
เฮอร์นันโดกล่าวเสริมว่า “อัตราเงินเฟ้อที่สูงไม่เพียงทำให้ค่าครองชีพสูงขึ้นเท่านั้น แต่ยังนำไปสู่อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นและความไม่แน่นอนที่ขยายวงกว้างขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อการลงทุนและการบริโภค ตลอดจนความยั่งยืนของหนี้ สิ่งเหล่านี้อาจทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังการแพร่ระบาดอ่อนแอลง”
ผลจากสภาพแวดล้อมทางการเงินที่เข้มงวดขึ้นทั่วภูมิภาค การค้าหดตัวในช่วงครึ่งแรกของปี 2023 โดยปริมาณและมูลค่าการส่งออกลดลงเหลือร้อยละ 3.5 และลบร้อยละ 7.1 ตามลำดับ
แรงกดดันด้านเงินเฟ้อและต้นทุนทางการเงินเพื่อการค้าที่สูงขึ้น ประกอบกับความไม่แน่นอนทั่วโลก ส่งผลให้การค้าในภูมิภาคซบเซา
กราเซีย นิโน เอ. บาสเกซ (Glacer Nino A. Vasquez) นักวิจัยจาก หน่วยสนับสนุนนโยบายและผู้ร่วมเขียนรายงานอธิบายว่า “การส่งออกการค้าและการนำเข้าสินค้าคาดว่าจะเติบโตเล็กน้อยร้อยละ 0.1 และ 0.3 ตามลำดับในปี 2023 โดยมีการคาดการณ์การเติบโตในแง่ดีมากขึ้นสำหรับการค้าสินค้าในปี 2024 และปี 2025 ที่ร้อยละ 4.3 ถึง 4.4”
รายงานยังเน้นย้ำอีกว่า อนาคตของการค้าในเอเปคถูกบดบังด้วยการกระจายตัวของเศรษฐกิจทางภูมิศาสตร์และการสั่งสมมาตรการจำกัดการค้า รวมถึงการเยียวยาทางการค้า
การเปลี่ยนแปลงด้านประชากรศาสตร์ยังก่อให้เกิดความท้าทายต่อเศรษฐกิจของภูมิภาค เนื่องจากประชากรมีอายุมากขึ้นและอัตราการเกิดลดลง หมายความว่าประชากรวัยทำงานจะต้องเผชิญกับภาระที่มากขึ้นในการเลี้ยงดูประชากรสูงอายุที่เพิ่มขึ้น
คูริยามากล่าวสรุปว่า “การประสานงานพหุภาคียังคงมีความสำคัญสำหรับการแก้ปัญหาการปกป้องทางการค้า หนี้ที่เพิ่มขึ้น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจสีเขียว และการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน ความร่วมมือยังมีความสำคัญอย่างยิ่งในการจัดการกับความท้าทายที่ซับซ้อนที่ภูมิภาคเอเปคเผชิญอยู่”
แปลและเรียบเรียงจาก
APEC Policy Support Unit. (12 November 2023). APEC Growth Improves Despite Declining Trade and Inflation Risks. Retrieved from https://apec.sitefinity.cloud/press/news-releases/2023/apec-growth-improves-despite-declining-trade-and-inflation-risks
แปลและเรียบเรียงโดย
นายศิวศิลป์ จุ้ยเจริญ
นักวิจัยประจำสถาบันอาณาบริเวณศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
