วันที่ 15 สิงหาคม 2566 – 13:37 น./ประชาชาติธุรกิจ

สนั่น เผยเอกชนไทย-เวียดนาม พร้อมกระชับสัมพันธ์ทุกด้านเศรษฐกิจ-การค้า-ลงทุน ขณะที่ตั้งเป้าหมายว่าในปี 2025 จะมีการเพิ่มมูลค่าทางการค้าระหว่างกันเพิ่มขึ้นให้ถึง 25,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
วันที่ 15 สิงหาคม 2566 นายสนั่น อังอุบลกุล นายกสมาคมมิตรภาพไทย-เวียดนาม และในฐานะประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยระหว่างเปิดงานสัมมนา “THAILAND-VIETNAM BUSINESS FORUM 2023” ว่าการจัดงานครั้งนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือของภาครัฐ และภาคเอกชนของทั้งสองประเทศ โดยปีนี้สมาคมเน้นเรื่องความร่วมมือและความสัมพันธ์สำหรับกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ และชาวสตาร์ตอัพ
โดยมีจุดประสงค์เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศในภาคประชาชน รวมถึงการแลกเปลี่ยนข้อมูล ความคิดเห็น และขับเคลื่อนในด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมถึงมิติในด้านการลงทุนในธุรกิจ startup จากนักลงทุน และที่สำคัญก่อให้เกิดการแชร์ความรู้ แบ่งปันประสบการณ์ความรู้จากวิทยากรชั้นนำจากทั้งสองประเทศ
อีกทั้งยังเป็นเวทีที่เปิดโอกาสในการพบปะและแลกเปลี่ยนประสบการณ์และองค์ความรู้ เพื่อสร้างเครือข่ายในภาคประชาชนแสดงถึงความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างสองประเทศที่มีความยั่งยืนและเติบโตอย่างต่อเนื่อง
“เป็นความตั้งใจของสมาคมที่ช่วยผลักดันการเจริญเติบโตและพัฒนาความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศให้เข้มแข็งขึ้น โดยผ่านการจัดงานนี้ เพื่อให้มีโครงการที่เพิ่มความเชื่อมโยงและมีประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศ ทั้งในด้านการธุรกิจ, วัฒนธรรม และความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนด้วย”
ทั้งนี้ ไทยและเวียดนามมีการตั้งเป้าหมายว่า ในปี 2025 จะมีการเพิ่มมูลค่าทางการค้าระหว่างกันเพิ่มขึ้นให้ถึง 25,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเชื่อว่ากลไกต่าง ๆ ที่มีอยู่ ไม่ว่าจะรูปแบบทวิภาค หรือภายใต้กรอบความร่วมมือต่าง ๆ เช่น ACMECS และ GMS หรือ ASEAN จะมีส่วนช่วยเป็นแกนกลางในการสร้างสรรค์เศรษฐกิจในภูมิภาคร่วมกัน ซึ่งภาคเอกชนก็พร้อมที่จะผลักดันให้เกิดขึ้นจริง
และในปี 2566 นี้เป็นโอกาสสำคัญที่ทั้งสองประเทศจะได้ฉลองครบรอบ 10 ปีของความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างกัน และถือเป็นการเปิดศักราชใหม่ของความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาตร์ที่เข้มแข็งยิ่งขึ้น เพื่อสันติภาพ เสถียรภาพ และความมั่งคั่งร่วมกัน โดยเอกชนไทยพร้อมที่จะร่วมกันขับเคลื่อนการค้า การลงทุนร่วมกันอย่างใกล้ชิด ในการเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ที่ทั้งสองประเทศต่างเป็นคู่ค้ามิใช่คู่แข่ง ซึ่งเวียดนามถือเป็นมิตรแท้ของไทยที่จะช่วยเกื้อกูลส่งเสริมจุดแข็งซึ่งกันและกันต่อไป
เพราะหากย้อนกลับไปในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา และยังได้ขยายขอบเขตไปยังด้านการท่องเที่ยวที่สร้างโอกาสทางการตลาดใหม่ ๆ และเสริมสร้างความเชื่อมโยงระหว่างเมืองและภูมิภาคต่าง ๆ ของทั้งสองประเทศ เปิดโอกาสใหม่ในด้านเศรษฐกิจและการพัฒนาที่ยั่งยืน
นายสนั่นกล่าวอีกว่า ในการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของอดีตประธานาธิบดีเวียดนามเมื่อปีที่แล้ว ไทยและเวียดนามได้ลงนามความตกลง 5 ฉบับ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงนามแผนปฏิบัติการว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ที่เข้มแข็งไทย-เวียดนามในระยะ 5 ปีข้างหน้า (2565-2570) และบันทึกความเข้าใจระหว่างสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยกับหอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งเวียดนาม
ก่อให้เกิดการผลักดันความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจมีความเข้มแข็งยิ่งขึ้น และจะเป็นการส่งเสริมการฟื้นฟูเศรษฐกิจสังคมของทั้ง 2 ประเทศและภูมิภาค ครอบคลุมทั้งการค้า การลงทุน ความเชื่อมโยงทางคมนาคม การเงินการธนาคาร และเศรษฐกิจดิจิทัล รวมทั้งการเร่งอำนวยความสะดวก ลดอุปสรรคทางการค้าระหว่างกันตามแนวทาง Three Connects คือ
1.การเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานในสาขาที่เกื้อกูลกัน
2.การเชื่อมโยงเศรษฐกิจฐานรากและผู้ประกอบการท้องถิ่น โดยเฉพาะภาคอีสานของไทยกับภาคกลางและภาคใต้ของเวียดนาม และ
3.การเชื่อมโยงนโยบายเศรษฐกิจสีเขียว โดยเฉพาะ BCG กับนโยบายเศรษฐกิจสีเขียวของเวียดนาม
สำหรับในช่วงที่ผ่านภาครัฐและภาคเอกชนทั้งสองประเทศยังได้มีการจัดตั้งคณะทำงาน และหน่วยงานที่สำคัญ เช่น การจัดตั้ง Team Thailand Plus ที่เป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐ และภาคเอกชนของฝั่งไทย ในการเป็นเวทีรับฟังข้อเสนอแนะ และแนวทางที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาการค้า การลงทุน ในประเทศเวียดนาม ผ่านสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงฮานอย และในช่วงวันที่ 3-4 สิงหาคมที่ผ่าน ได้มีการจัดงาน Meet Thailand ครั้งที่ 1 ณ จังหวัดกว๋างจิ ประเทศเวียดนาม ซึ่งเปิดโอกาสให้นักธุรกิจของทั้งสองประเทศได้พบปะกัน
ThaiCham หรือสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมไทยในเวียดนาม เป็นการรวมตัวกันของเครือข่ายกลุ่มนักธุรกิจไทยที่ลงทุนในประเทศเวียดนาม เพื่อเป็นหน่วยงานในการส่งเสริมและอำนวยความสะดวกในการประสานงานกับภาคเอกชนและภาครัฐ ตลอดจนผลักดันในประเด็นที่เกี่ยวข้องการค้า การลงทุน ในประเทศเวียดนาม
สภาธุรกิจไทย-เวียดนาม ทื่มีบทบาทในการเป็นตัวแทนของนักธุรกิจไทยและเวียดนามที่ทำธุรกิจใน 2 ประเทศ โดยเป็นช่องทางให้สมาชิกได้แสดงความคิดเห็นในเชิงธุรกิจ และทำงานควบคู่ไปกับรัฐบาลไทยในการส่งเสริม สนับสนุนการค้าและการลงทุนในเวียดนาม
สมาคมมิตรภาพไทย-เวียดนาม ที่ปัจจุบันผมได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายกสมาคม มีบทบาทสนับสนุนให้เกิดการเชื่อมความสัมพันธ์ในภาคประชาชนของสองประเทศให้แน่นแฟ้น โดยส่งเสริมและเผยแพร่ข้อมูลของทั้งสองประเทศ และจัดกิจกรรม ทั้งด้านเศรษฐกิจ วิชาการ สังคม และความร่วมมือต่อกันในทุกด้าน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งให้ความสำคัญกับการสนับสนุนให้เกิดความร่วมมือในระหว่างเครือข่ายคนรุ่นใหม่ของทั้ง 2 ประเทศซึ่งกลุ่มเป้าหมายของการจัดงานในครั้งนี้ก็คือกลุ่ม startup และกลุ่ม Young Entrepreneur ที่จะมีการจัดสัมมนาให้ความรู้ และจัดให้มี Networking ระหว่างผู้ประกอบรุ่นใหม่ของไทยและเวียดนาม
ในโอกาสนี้กลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่ YEC หอการค้าไทย หรือที่เราเรียกว่า Young Entrepreneur Chamber of Commerce ก็ได้มาร่วมกันจัดงานในครั้งนี้ด้วย
สำหรับภายในงานประกอบไปด้วยกิจกรรมหลากหลายอย่าง อาทิ การประชุมระหว่างภาครัฐ, การอภิปราย, การแสดงสินค้าและการนำเสนองาน, การ Pitching การประชุมธุรกิจ, การจับคู่พันธมิตรทางธุรกิจ และกิจกรรมเครือข่าย
โดยการจัดงานนี้ ทางผู้จัดหวังว่าจะได้ส่งเสริมความสัมพันธ์อันดี สร้างความเข้าใจและเปิดโอกาสในการทำธุรกิจระหว่างไทยและเวียดนามให้กว้างขึ้น
Cr : ประชาชาติธุรกิจ
