เฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.5% สู่ระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี ย้ำเดินนโยบายนี้ต่อไปถึงปีหน้าแม้ ศก.จ่อถดถอย

15 ธ.ค. 2565 22:51   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

เฟด (ธนาคารกลางสหรัฐฯ) ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายรอบใหม่เพื่อสกัดเงินเฟ้ออีก 0.5% ไปอยู่ที่ 4.25-4.50% ถือเป็นระดับสูงสุดนับจากปี 2007 แถมเตือนด้วยว่า ยังต้องปรับเพิ่มต้นทุนการกู้ยืมเช่นนี้ต่อในปีหน้า แม้คาดว่าเศรษฐกิจอาจขยายตัวแค่ 0.5% ก็ตาม

เฟดเคลื่อนไหวเชิงรุกเพื่อลดอุปสงค์ในระบบเศรษฐกิจ ด้วยการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย “เฟด ฟันด์ส เรต” ถึง 7 รอบแล้วในปีนี้ โดยสำหรับรอบล่าสุดที่มีการประกาศเมื่อวันพุธ (14 ธ.ค.) นั้นมีการขึ้นดอกเบี้ย 0.5% อยู่ที่ 4.25-4.50% ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดนับจากปี 2007

กระนั้น พวกเจ้าหน้าที่เฟดเตือนว่าการต่อสู้เพื่อลดความร้อนแรงของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังไม่จบลงง่ายๆ โดยคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) คาดว่า ควรขึ้นดอกเบี้ยต่อไปจนถึงเป้าหมายที่กำหนดไว้ซึ่งสามารถควบคุมอัตราเงินเฟ้อได้

เฟดยังเปิดเผยรายงานการคาดการณ์เศรษฐกิจประจำไตรมาสที่คาดว่า การเติบโตของเศรษฐกิจอเมริกาในปีหน้าจะอยู่ที่ 0.5% รอดพ้นจากภาวะถดถอยอย่างเฉียดฉิว พร้อมกันนี้ ยังมีการปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์การว่างงาน และอัตราเงินเฟ้อด้วย

เจอโรม พาวเวล ประธานเฟด แถลงยอมรับว่า การขึ้นดอกเบี้ย 0.5% เช่นนี้ถือว่าเป็นการขึ้นที่สูงมาก แต่ก็เตือนว่าเฟดยังคงต้องสานต่อนโยบายนี้ต่อไป

ทั้งนี้ เอฟโอเอ็มซีคาดว่าอัตราดอกเบี้ยอาจปรับขึ้นสูงกว่าที่คาดไว้ที่ 5.1% ในปีหน้า และพาวเวลสำทับว่า จะไม่มีการลดดอกเบี้ยจนกว่าเอฟโอเอ็มซีแน่ใจว่าอัตราเงินเฟ้อเคลื่อนไหวลงมายังระดับเป้าหมาย 2% อย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ แม้อัตราเงินเฟ้อลดลงในช่วงเดือนตุลาคมและพฤศจิกายน แต่พาวเวลระบุว่า ยังต้องการหลักฐานชัดเจนขึ้นเพื่อให้แน่ใจว่า อัตราเงินเฟ้ออยู่บนเส้นทางขาลงอย่างยั่งยืน

เวลานี้คนอเมริกันกำลังถูกบีบคั้นจากอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งทะยาน และสถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลงจากการที่ราคาอาหารและพลังานพุ่งขึ้นภายหลังรัสเซียบุกยูเครน รวมทั้งผลกระทบจากมาตรการโควิดเป็นศูนย์ของจีน

เพื่อให้ต้นทุนการกู้ยืมสูงขึ้น เฟดขึ้นดอกเบี้ยแล้ว 7 ครั้ง โดยเป็นการปรับขึ้นครั้งละ 0.75% 4 รอบติดต่อกัน

เมื่อถูกถามว่า เศรษฐกิจอเมริกายังสามารถชะลอตัวอย่างนุ่มนวลได้หรือไม่ พาวเวลตอบว่า มีแนวโน้มสูงถ้าอัตราเงินเฟ้อยังลดลงต่อเนื่อง

ด้าน แนนซี แวนเดน ฮูเทน จากออกซฟอร์ด อิโคโนมิกส์ ตั้งข้อสังเกตในแง่ดีว่า รายงานการคาดการณ์ของเอฟโอเอ็มซีไม่ได้ใช้คำว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอย แม้ตัวเลขคาดการณ์อัตราว่างงานปีหน้าเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 4.6% ซึ่งเข้าเกณฑ์ภาวะถดถอยก็ตาม

ทว่า พาวเวลอธิบายเรื่องนี้ว่า คงไม่มีใครบอกได้ว่าอเมริกาจะเข้าสู่ภาวะถดถอยหรือไม่ และถ้าใช่ จะถดถอยรุนแรงเพียงใด

เอียน เชปเพิร์ดสัน จากแพนธีออน แมกโครอิโคโนมิกส์ ชี้ว่า การคาดการณ์ของเอฟโอเอ็มซีว่า เงินเฟ้อและอัตราว่างงานจะพุ่งขึ้น ขณะที่ลดแนวโน้มการเติบโตลง บ่งชี้ถึงการใช้แนวทางอันแข็งกร้าวมากกว่าที่คาดไว้ และหากเฟดเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยตามที่คาดไว้ทั้งหมด มันจะเป็นการดำเนินการที่มากเกินไป

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์หลายรายเตือนว่า การใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงินเพิ่มขึ้นมีความเสี่ยงทำให้เศรษฐกิจชะลอความร้อนแรงลงอย่างฮวบฮาบ ทั้งที่เผชิญความกดดันอยู่แล้ว

อย่างไรก็ดี รูบีลา ฟารุกกี จากไฮ ฟรีเควนซีย์ อิโคโนมิกส์ ตั้งข้อสังเกตว่า ความเคลื่อนไหวล่าสุดบ่งชี้ว่า เฟดกำลังเข้าสู่วงจรการขึ้นดอกเบี้ยเฟส 2 ซึ่งหมายถึงการเปลี่ยนจากแนวทางเชิงรุก มาเป็นการขึ้นดอกเบี้ยในจังหวะเบาลงจนกว่าจะถึงระดับที่สามารถควบคุมเงินเฟ้อได้

อนึ่ง จากข้อมูลของรัฐบาลสหรัฐฯ อัตราเงินเฟ้อประจำเดือนพฤศจิกายนเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปีที่แล้วอยู่ที่ 7.1%

(ที่มา : เอเอฟพี, รอยเตอร์, เอพี)