06 ธ.ค. 2565 เวลา 5:54 น./กรุงเทพธุรกิจ

ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.ถึงวันที่ 8 ต.ค.ที่ผ่านมา ท่าสินค้าด่านโหย่วอี้ ของจีน มียอดการเข้าออกของรถยนต์ทะลุกว่า 130,000 คัน/ครั้ง และเมื่อวันที่ 1 ต.ค. ด่านนี้มียอดการเข้าออกของรถยนต์ สูงถึง 1,053 คัน/ครั้ง สร้างสถิติสูงสุดของปริมาณรถที่เข้าออกด่านในแต่ละวันในปีนี้
ขณะเดียวกัน ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เป็นผลิตภัณฑ์ดั้งเดิมที่ได้เปรียบในด้านการนำเข้าและส่งออกของด่านโหย่วอี้ ตั้งแต่เดือนม.ค. – ส.ค. ปีนี้ มีมูลค่าของผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ผ่านด่านแห่งนี้สูงถึง 61,090 ล้านหยวน ถือว่ามีส่วนช่วยประกันความมั่นคงของห่วงโซ่อุตสาหกรรมข้ามพรมแดนจีน-อาเซียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ด้วยความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ที่ไม่เหมือนใครและสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่สมบูรณ์แบบของด่านโหย่วอี้ ทำให้สินค้าเกษตรคุณภาพสูงของประเทศในอาเซียนได้ส่งถึงมือผู้บริโภคชาวจีนอย่างต่อเนื่อโดยผ่านด่านแห่งนี้
เพื่อปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจในช่องทางนี้อย่างต่อเนื่อง เขตกว่างซีได้ใช้มาตรการพิเศษเพื่อลดค่าธรรมเนียม ปรับปรุงประสิทธิภาพ และเพิ่มประสิทธิภาพการบริการของท่าเรืออ่าวเป่ยปู้
ปัจจุบัน การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมโดยรวมของท่าเรืออ่าวเป่ยปู้ยังคงเท่าเทียมกับท่าเรือสำคัญ ๆ ของจีน
นอกจากนี้ เวลาโดยรวมของการผ่านพิธีการทางศุลกากรของด่านกว่างซี ก็ลดลงจาก 56.59 ชั่วโมงในปี 2560 เหลือเพียง 5.36 ชั่วโมงในปี 2564
ในจำนวนนี้ การผ่านพิธีทางศุลกากรของการนำเข้าและส่งออกผ่านทางทะเลโดยรวม จากเดิมที่ใช้เวลาถึง 253.54 ชั่วโมงในปี 2560 ก็ลดลงเหลือเพียง 23.07 ชั่วโมงในปี 2564 ซึ่งอยู่ในระดับแนวหน้าของด่านตามแนวชายฝั่งทั้งหมดของประเทศจีน
รายงานสถานกงสุลใหญ่ ณ นครหนานหนิงระบุว่า ที่ผ่านมา ไทยมองกว่างซีว่ามีความสำคัญ โดยเฉพาะการเพิ่มช่องทางการส่งออกสินค้าเกษตร และผลไม้ไทยไปที่จีนผ่านการใช้ประโยชน์จากความเชื่อมโยงระหว่างท่าเรือแหลมฉบังและท่าเรือกรุงเทพฯไปยังท่าเรือรอบอ่าวเป่ยปู้ ที่มีความพร้อมสำหรับการขนส่งหลากหลายรูปแบบ
“เรือ+ราง” (multimodal transport) รวมถึงแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับการจัดกิจกรรมที่จะสร้างเครือข่ายและความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้ประกอบการรายย่อยของไทยกับกว่างซี อาทิ การจัดงานจับคู่ธุรกิจ (business matching) และการจัดงานสัมมนาด้านการค้าการลงทุนในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์
ปัจจุบัน ท่าเรืออ่าวเป่ยปู้มีท่าเทียบเรือมากกว่า 260 แห่ง และมีเส้นทางเดินเรือมากกว่า 50 เส้นทาง เชื่อมต่ออ่าวกับท่าเรือมากกว่า 300 แห่งทั่วโลก
ในรายงานของบริษัทท่าเรืออ่าวเป่ยปู้ ระบุว่า การเติบโตของท่าเรือเป็นผลมาจากการเร่งสร้างเส้นทางการค้าระหว่างประเทศทางบก-ทะเลแห่งใหม่ (New International Land-Sea Trade Corridor) อันเป็นเส้นทางการค้าและการขนส่งซึ่งร่วมกันสร้างโดยภูมิภาคจีนตะวันตกและสิงคโปร์
ขณะที่อ่าวเป่ยปู้เป็นจุดแวะพักระหว่างทางที่สำคัญของเส้นทางการค้า และเป็นท่าเรือที่ใกล้ที่สุดสำหรับบรรดามณฑลที่ไม่ติดทะเลของจีน
Cr : กรุงเทพธุรกิจ