25 พ.ย. 2565 01:47 น./ไทยรัฐออนไลน์

องค์การอนามัยโลกและศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ ประกาศในวันเดียวกัน ว่าโรคหัดกำลังจะเป็นภัยคุกคามต่อสังคมโลกแล้ว โดยมีการระบาดของโควิด-19 เป็นต้นเหตุ
สำนักข่าว นิวยอร์กโพสต์ รายงานว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) กับศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของงสหรัฐฯ (CDC) ออกประกาศในวันพฤหัสบดีที่ 24 พ.ย. 2565 ระบุว่า การลดลงของการฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัด และการระบาดขนาดใหญ่ที่ยังคงไม่ลดลง กำลังทำให้ไวรัสโรคทางเดินหายใจนี้ กลายเป็นภัยคุกคามที่จะเกิดขึ้นในทุกภูมิภาคของโลก
ตามรายงานของ WHO ประเทศอินเดีย, โซมาเลีย และเยเมน เป็นประเทศที่มีการระบาดของโรคหัดขนาดใหญ่ที่สุดในตอนนี้ โดย ดร.เทดรอส อัดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ขององค์การอนามัยโลก กล่าวว่า เป็นเรื่องสำคัญยิ่งยวดในการทำให้โครงการฉีดวัคซีนกลับมาอยู่บนเส้นทางที่ถูกต้อง เพื่อหลีกเลี่ยงการระบาดของโรคที่ป้องกันได้นี้
“ความย้อนแย้งในการระบาดนี้คือ ขณะที่วัคซีนต้านโควิด-19 พัฒนาอย่างรวดเร็วเป็นสถิติใหม่และกลายเป็นแคมเปญฉีดวัคซีนครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ โครงการฉีดวัคซีนเป็นกิจวัตรอื่นๆ กลับหยุดชะงักอย่างหนัก เด็กๆ หลายล้านคนไม่ได้รับวัคซีนช่วยชีวิคจากโรคร้ายถึงตายต่างๆ อย่างเช่นโรคหัด” ดร.เกเบรเยซุสระบุ
อนึ่ง โรคหัดถูกจัดเป็นหนึ่งในโรคที่มีอัตราการติดต่อสูงที่สุด แต่การรับวัคซีนตั้งแต่เด็กได้รับการยอมรับว่าเป็นวิธีป้องกัน หรือลดการติดต่อในอนาคตได้ดีที่สุด ในออสเตรเลีย เด็กอายุระหว่าง 12-18 เดือนสามารถรับวัคซีนป้องกันโรคหัดได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ส่วนคนอายุต่ำว่า 20 ปี ผู้อพยพ, หรือผู้ลี้ภัยก็มีสิทธิ์ขอรับวัคซีนเช่นกัน
ขณะเดียวกัน CDC ระบุว่า ผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีนโรคหัด 9 จาก 10 คน จะติดโรคหากสัมผัสเชื้อ โดยไวรัสโรคหัดสามารถติดต่อได้ผ่านสารคัดหลั่งจากการไอและจามของผู้ติดเชื้อ โดยอาการป่วยทั่วไปคือ มีไข้, หนาวสั่น, ตาอักเสบ และผื่นแดงขึ้นตามใบหน้าหรือไรผม ก่อนจะกระจายไปทั่วร่างกายหลังผ่านไป 3-4 วัน
Cr : ไทยรัฐออนไลน์