ส่อง โปลิตบูโรชุดใหม่ กระชับอำนาจ สีจิ้นผิง – รวมศูนย์คุมเศรษฐกิจ

วันที่ 23 ตุลาคม 2565 – 21:08 น. / ประชาชาติธุรกิจ

สี จิ้นผิง กล่าวแนะนำสมาชิกคณะโปลิตบูโรถาวรชุดใหม่ เมื่อ 23 ต.ค. 2022. (AP Photo/Ng Han Guan)

เผยโฉม 6 ผู้ยิ่งใหญ่ในคณะโปลิตบูโรชุดใหม่ ล้วนเป็นผู้ภักดีสนิทสนมกับ สี จิ้นผิง ที่คาดว่าจะส่งผลต่อนโยบายเศรษฐกิจ

วันที่ 23 ตุลาคม 2565 สำนักข่าว ซินหัว รายงานว่า สี จิ้นผิง พร้อมบรรดาสมาชิกคณะกรรมการถาวรประจำกรมการเมืองแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) ชุดที่ 20 ได้แก่ หลี่ เฉียง จ้าว เล่อ จี้ หวัง ฮู่หนิง ไช่ ฉี ติง เซวียเสียง และหลี่ ซี เปิดตัวให้สื่อมวลชนถ่ายภาพ ณ อาคารมหาศาลาประชาชน กรุงปักกิ่ง

สี จิ้นผิงได้รับเลือกเป็นเลขาธิการใหญ่ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ชุดที่ 20 พร้อมด้วยสมาชิกคณะกรรมการถาวรประจำกรมการเมือง แห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ ในการประชุมเต็มคณะ ครั้งที่ 1 ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 23 ต.ค. 

นายสีแนะนำคณะโปลิตบูโรชุดใหม่ เมื่อ 23 ต.ค. 2022 / xinhua

ด้าน บีบีซี สื่อชั้นนำของอังกฤษ รายงานว่า การที่นายสี วัย 69 ปี เดินนำคณะกรรมการถาวรประจำกรมการเมือง (Politburo Standing Committee) ชุดใหม่ ขึ้นมาบนเวที สื่อถึงหมุดหมายที่ชี้ชัดว่า นายสีได้รับการเลือกให้นั่งตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นสมัยที่ 3 แล้ว

ในบรรดาคณะกรรมการกรมการเมืองระดับสูงประจำพรรคคอมมิวนิสต์ชุดใหม่ 6 คนดังกล่าว นายหลี่ เฉียง ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่

4 ผู้พิทักษ์หน้าใหม่แต่วัย 60 อัพ

ขณะที่ ซีเอ็นเอ็น และ บลูมเบิร์ก สื่อชั้นนำของสหรัฐอเมริกา รายงานตรงกันว่า บรรดาโปลิตบูโรชุดถาวร 6 คนนี้ ล้วนเป็นผู้ใกล้ชิดและภักดีต่อสี จิ้นผิง ในจำนวนนี้มีหน้าใหม่เข้ามา 4 คน

นายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีคนใหม่ วัย 63 ปี นายไช่ ฉี วัย 66 ปี นายติง เซวียเสียน วัย 60 ปี และนายหลี่ ซี วัย 66 ปี ล้วนเป็นพันธมิตรและผู้ได้รับการอุปถัมภ์ค้ำชูจากนายสี เมื่อรวมกับสมาชิกเดิมที่ได้ไปต่อ จึงเป็นคณะที่บ่งบอกถึงชัยชนะของนายสีในการปกครองต่อไปในสมัยที่ 3

ส่วนคณะโปลิตบูโรที่ไร้ขวากหนามชุดนี้ ยังไม่มีใครฉายแววว่าจะมาเป็นทายาททางการเมืองของสีได้เลย เพราะคนที่อายุน้อยที่สุดปาเข้าไป 60 ปีแล้ว ส่งสัญญาณชัดว่าสีจะยังไม่วางแผนลงจากอำนาจ

นายกฯใหม่ มาจากเซี่ยงไฮ้

สำหรับ หลี่ เฉียง ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ เป็นเลขาธิการพรรคสาขาเซี่ยงไฮ้ ผู้ที่ภักดีกับสีมาอย่างยาวนาน ได้รับตำแหน่งสำคัญนี้ แม้ว่านครเซี่ยงไฮ้จะเกิดความปั่นป่วนจากมาตรการล็อกดาวน์เพื่อคุมโควิดนาน 2 เดือนเมื่อต้นปีนี้

วิกเตอร์ สือ ผู้เชี่ยวชาญการเมืองจีน มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตซานดิเอโกมองว่า หลี่ เฉียง ไม่มีประสบการณ์ในคณะมนตรีรัฐกิจสาธารณรัฐประชาชนจีน หรือคณะบริหารสูงสุดของประเทศมาก่อน การได้รับแต่งตั้งเช่นนี้เป็นเรื่องที่ไม่ได้เห็นมาหลายทศวรรษแล้ว

“เศรษฐกิจจีน และคณะมนตรีรัฐกิจของจีนนั้นซับซ้อนมากในทุกวันนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับยุคทศวรรษ 1980 การได้คนที่ไม่มีประสบการขับเคลื่อนกลไกมาก่อนยิ่งเป็นเรื่องท้าทายมาก” สือกล่าว และว่ายิ่งเป็นคนที่ใกล้ชิด สี จิ้นผิง ก็ยิ่งมีแต่จะเห็นดีเห็นงามกับความคิดของสีไปทุกเรื่อง ซึ่งไม่เป็นผลดีกับการทำนโยบาย

สำหรับสมาชิกคนอื่น ๆ เช่น ไช่ ฉี วัย 66 ปี เป็นนายกเทศมนตรีปักกิ่ง เป็นบุคคลที่สีไว้เนื้อเชื่อใจที่สุด และมีผลงานในการจัดการแข่งขันมหกรรมโอลิมปิกฤดูหนาว 2022 ได้สำเร็จ

ส่วน หลี่ซี วัย 66 นอกจากเป็นเลขาธิการพรรคสาขากวางตุ้ง เมืองขับเคลื่อนเศรษฐกิจทางภาคใต้ คาดว่าจะได้รับมอบหมายให้คุมองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น ด้าน ติง เซวียเสียง วัย 60 ปี เป็นหัวหน้าทีมงานของนายสี และเป็นผู้ช่วยคนสนิทด้วย

สายหูจิ่นเทาหายเรียบ

ส่วนบุคคลที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มวงในของนายสี ไม่ว่านายหลี่ เค่อเฉียง ที่พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และนายหวัง หยาง หัวหน้าคณะที่ปรึกษาแห่งรัฐ ล้วนพ้นไปจากคณะโปลิตบูโรถาวร ทั้งที่เหลืออายุเกษียณอย่างไม่เป็นทางการอีก 1 ปี หรืออายุยังไม่ถึง 68 ปี ผิดกับนายสีเอง อายุ 69 ปีแล้วแต่ยังอยู่ต่อได้

อีกคนที่ถูกจับตาว่าหายไปจากกลุ่มผู้นำ คือนายหู ชุนหัว รองนายกฯ วัย 59 ปี ผู้ที่มักอยู่ในวงการเมืองเดียวกับนายหลี่ เค่อเฉียง และนายหู จิ่นเทา อดีตประธานาธิบดีที่ถูกนำตัวออกไปจากห้องประชุมสมัชชาวันสุดท้าย จนเป็นข่าวอื้ออึงไปทั่วโลก เมื่อวันที่ 22 ต.ค. ครั้งนี้ไม่มีชื่อแม้แต่เป็นสมาชิกโปลิตบูโร 24 คน

นอกจากนี้ สมาชิกโปลิตบูโร 24 คนครั้งนี้เป็นครั้งแรกในรอบ 25 ปีที่ไม่มีผู้หญิงแม้แต่คนเดียว เท่ากับขีดเส้นใต้ย้ำว่า ไม่มีผู้หญิงเป็นตัวแทนในคณะบริหารระดับสูงของพรรคเลย ขณะที่สมาชิกคณะกรรมการกลางพรรค 205 คน มีผู้หญิงเหลือเพียง 11 คน

การรวมอำนาจศูนย์กลางกลับมา

เฉิน กัง นักวิจัยมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ ประจำสถาบันเอเชียตะวันออกมองว่า บรรดาสมาชิกใหม่ของคณะโปลิตบูโร ไม่ใช่ผลผลิตของการแบ่งปันอำนาจ ไม่ใช่การเลือกสรรคนจากกลุ่มที่แตกต่างเข้ามา หากเป็นผลลัพธ์แห่งการปกครองของสีโดยแท้

“เราเข้าสู่ยุคใหม่ที่สีคุมการวางนโยบายไปจนถึงการตัดสินใจในทุกมิติ เรากำลังเห็นการรวมอำนาจศูนย์กลางทางราชการกลับมาอีกในจีน ซึ่งแน่นอนว่าจะส่งผลต่อวิถีนโยบายเศรษฐกิจและการต่างประเทศของจีนในอนาคต” เฉินกล่าว

บรรดาสมาชิกคณะโปลิตบูโรที่เปิดตัวครั้งนี้ จะได้รับตำแหน่งสำคัญในรัฐบาลที่จะมีการแต่งตั้งในไม่กี่เดือนข้างหน้า ก่อนถึงการประชุมสภานิติบัญญัติในเดือนมีนาคม และจะทำให้สีเข้าควบคุมการบริหารราชการทั้งหมด ซึ่งรวมถึงเศรษฐกิจที่ตามประเพณีแล้วผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้ดูแลนโยบาย

ผู้นำสมัยที่สามอาจไม่ง่าย

เดวิด กู๊ดแมน ผู้อำนวยการศูนย์จีนศึกษา มหาวิทยาลัยซิดนีย์ ออสเตรเลีย ให้ความเห็นว่า เรื่องราวพาดหัวตอนนี้ชัดแล้วว่า สี จิ้นผิงและพวกคุมอำนาจรวมเป็นหนึ่งได้แล้ว แต่คำถามคือ รวมไปเพื่อจุดหมายปลายทางอะไร

นักวิชาการท่านนี้กล่าวว่า ไม่กี่ปีมานี้กลุ่มผู้นำจะหารือกันว่าจะขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างไร เพื่อให้เอื้อต่อทั้งภาครัฐและภาคเอกชน การถกเถียงจะอยู่ที่ประเด็น ความต้องการทางเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วน กับความรุ่งเรืองร่วมกัน ซึ่งจะบีบลดช่องว่างความร่ำรวยลง

“สิ่งที่ได้จากการประชุมครั้งนี้ กลายเป็นว่านโยบายความรุ่งเรืองร่วมกัน ขึ้นไปอยู่หิ้งของรัฐธรรมนูญ” กู๊ดแมนกล่าว และวิเคราะห์ที่การเปลี่ยนแปลงในกลุ่มผู้บริหารของพรรคคอมมิวนิสต์

นอกเหนือจากการพ้นตำแหน่งของหลี่ เค่อเฉียง และหวัง หยาง ที่เคยทำงานร่วมกับนายหู จิ่นเทา จากสายยุวชนคอมมิวนิสต์มาก่อน คนที่มีท่าทีเป็นมิตรกับตลาด อย่างนายหลิว เหอ นายอี้ กัง และนายกัว สือฉิง เจ้าหน้าที่สายการเงิน ไม่อยู่ในคณะกรรมการกลางของพรรค ที่มีสมาชิก 205 คนอีกแล้ว

ผู้อยู่รอดในคณะกรรมการกลางมีเพียง นายหวัง อี้ รมว.การต่างประเทศ วัย 60 ปี ผู้สนับสนุนจุดยืนจีนในนโยบายต่างประเทศเชิงรุกกร้าว

ชี้ปัจจัยภายใน-ภายนอกกดดัน

กู๊ดแมนมองว่า แม้สีจะคุมอำนาจไว้ได้ แต่เส้นทางข้างหน้าอาจไม่ราบรื่น โดยเฉพาะความท้าทายด้านเศรษฐกิจในประเทศ และความสัมพันธ์กับต่างประเทศที่เพิ่มแรงกดดัน

ตามที่สีกล่าวในการเปิดประชุมเมื่อวันอาทิตย์ก่อนว่า “โลกทุกวันนี้เผชิญความท้าทายที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน บนเส้นทางข้างหน้า ไม่ว่าจะมีลมแรง น้ำเชี่ยว หรือพายุอันตราย ประชาชนยังคงเป็นแรงสนับสนุนที่มั่นคง และเป็นความมั่นใจที่แข็งแกร่งที่สุด”

ผศ.หยาง จาง ประจำคณะกิจการต่างประเทศ มหาวิทยาลัยอเมริกัน กล่าวว่า แม้คณะโปลิตบูโรถาวรเต็มไปด้วยผู้ภักดีต่อสี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า สีจะเป็นผู้นำสูงสุดชั่วนิรันดร์ที่จะทำอะไรตามใจได้เสมอไป

“อำนาจที่ไร้ขีดจำกัดจะถูกบีบด้วยศักยภาพที่จำกัดของเขาเอง รวมถึงพลังที่ถดถอยเมื่อเขาแก่ลง” ผศ.หยางกล่าว และว่า

พรรคพวกของสีเองก็อาจแข่งขันอำนาจกัน การที่สีคุมอำนาจเต็ม หมายความว่า ทั้งคณะต้องรับผิดชอบต่อความผิดพลาดทางนโยบาย และอาจกระตุ้นแรงต้านจากชาติตะวันตกที่นำโดยสหรัฐอเมริกา

 “ฉากทัศน์ทั้งหมดนี้จะทำให้การดำรงตำแหน่งสมัยที่สาม หรืออาจมีสมัยที่สี่ ไม่ง่ายอย่างที่คิดไว้”

Cr : ประชาชาติธุรกิจ