เอเปคสร้างสมดุลระหว่างนโยบายด้านสุขภาพและเศรษฐกิจ

26 สิงหาคม 2022 กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย การประชุมระดับสูงว่าด้วยสาธารณสุขและเศรษฐกิจ ครั้งที่ 12

รัฐมนตรีสาธารณสุขจากมาชิกเอเปคตั้งเป้าที่จะเสริมสร้างความพร้อมทั้งระดับโลกและภายในประเทศสำหรับการระบาดใหญ่ครั้งต่อไป โดยผ่านความร่วมมือระดับนานาชาติและระดับภูมิภาค และความร่วมมือเพื่อปรับปรุงสุขภาพและความมั่งคั่งของผู้คนในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก

การพบปะที่กรุงเทพฯ เพื่อเข้าร่วมสัปดาห์สุขภาพเอเปคในการประชุมทางแบบพบหน้าครั้งแรก นับตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด-19 กลุ่มรัฐมนตรีเริ่มการประชุม 2 วันด้วยการหารือระดับสูงเกี่ยวกับการสร้างสมดุลระหว่างสุขภาพและเศรษฐกิจ

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของไทย กล่าวว่า “การล็อกดาวน์ที่ยืดเยื้อในช่วงโควิด ทำให้เศรษฐกิจบางประเทศพังทลาย ในขณะที่แนวทางที่ผ่อนคลายเกินไปและความประมาทเลินเล่อในประเด็นด้านสุขภาพก็ทำให้เกิดความสูญเสียอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”

นายอนุทินเป็นผู้นำการหารือเบื้องต้นกับผู้ร่วมประชุมอีก 5 คน ได้แก่ Ong Ye Kung รัฐมนตรีสาธารณสุขสิงคโปร์ Andrea Palm รองเลขาธิการกระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์ของสหรัฐอเมริกา Dante Saksono Harbuwono รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขอินโดนีเซีย Dr Rebecca Fatima Sta Maria ผู้อำนวยการบริหารของเอเปคและ Lim Jock Hoi เลขาธิการอาเซียน

ผู้ร่วมอภิปรายแต่ละคนได้เน้นย้ำถึงความเชื่อมโยงระหว่างสุขภาพและความมั่งคั่ง การอธิบายความท้าทายด้านสุขภาพที่ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกกำลังเผชิญอยู่ ความเข้าใจ วิสัยทัศน์ และประสบการณ์ตรงในการต่อสู้กับโรคระบาด

“ผลกระทบของโรคระบาด ผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมในหลากหลายภาคส่วน รวมถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจ จำเป็นต้องมีแนวทางพหุภาคส่วนที่ครอบคลุมทั้งสังคมในการป้องกัน การเตรียมพร้อมและการตอบสนองและการกู้คืนจากโรคระบาด เราเชื่อมโยงจุดเชื่อมต่าง ๆ ระหว่างสุขภาพกับเศรษฐกิจระหว่างรัฐบาลกับพลเมือง และระหว่างภาครัฐกับเอกชน” นายอนุทินกล่าว

Dr Rebecca Fatima Sta Maria ผู้อำนวยการบริหารของเอเปค ตั้งข้อสังเกตระหว่างการหารือว่า อันที่จริงแล้ว ชุมชนธุรกิจสามารถเรียกร้องให้มีการดำเนินการอย่างเป็นทางการอย่างรวดเร็ว เมื่อโควิด-19 ถูกประกาศให้เป็นโรคระบาด ความกังวลของพวกเขามุ่งเน้นไปที่การอำนวยความสะดวกทางการค้าและการเริ่มต้นการเดินทางใหม่

“ในการตอบสนองต่อการเรียกร้องของชุมชนธุรกิจ เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการเปลี่ยนแปลงและเปลี่ยนแปลง” เธอกล่าว

เธอเสริมอีกว่าการจัดการกับวิกฤตครั้งนี้ใช้ “แนวทางแบบครบวงจรของเอเปค” (whole-of-APEC approach) โดยพิจารณาว่าการตอบสนองอย่างมีประสิทธิภาพจำเป็นต่อการผลิตและการจัดจำหน่ายวัคซีนและสินค้าอื่น ๆ ทั่วภูมิภาค

Dr Sta Maria กล่าวว่า “นโยบายการค้าและการอำนวยความสะดวกทางการค้า ไม่ใช่แค่ความรับผิดชอบของผู้กำหนดนโยบายการค้าเท่านั้น แต่ยังรวมถึงศุลกากรและหน่วยงานอื่น ๆ เพื่อการขนสินค้าข้ามพรมแดน”

“งานด้านศุลกากรเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด สำหรับการบริหารศุลกากรเอเปคมีความสำคัญอย่างยิ่งในการอำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายสินค้าจำเป็นและเวชภัณฑ์ข้ามพรมแดน” เธอกล่าวเสริม

นายอนุทิน ย้ำถึงความจำเป็นในการยกระดับการถ่ายทอดเทคโนโลยีและความรู้ และการแลกเปลี่ยนผลิตภัณฑ์รับมือโรคระบาด เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับประเทศไทยและประเทศอื่น ๆ สำหรับการระบาดใหญ่ในอนาคต

เขากล่าวว่า “วัคซีนและมาตรการรับมือทางการแพทย์จำเป็นต้องแจกจ่ายให้ทุกคนอย่างเท่าเทียมกันทั้งภายในและข้ามประเทศเศรษฐกิจ สิ่งนี้ยืนยันความจริงที่ว่าไม่มีใครปลอดภัยจนกว่าทุกคนจะปลอดภัย”

“การบรรลุเป้าหมายเหล่านี้เป็นไปไม่ได้ที่ประเทศเดียวจะทำได้เพียงลำพัง เราต้องการความร่วมมือระดับนานาชาติ โดยเฉพาะกับทุกคนในที่ประชุมนี้ ด้วยการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดมากขึ้น เมื่อเราไปถึงระดับนั้นแล้ว เราจะสามารถรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้” เขาเน้นย้ำ

รัฐมนตรีสาธารณสุขของเอเปคยังคงหารือกันในวันที่ 26 สิงหาคมเพื่อยืนยันความมุ่งมั่นที่จะสร้างสมดุลระหว่างสุขภาพและเศรษฐกิจ และการลงทุนเพิ่มเติมในระบบสุขภาพและความมั่นคงด้านสุขภาพ เพื่อทำให้ภูมิภาคนี้พร้อมสำหรับการระบาดใหญ่ในอนาคต

ที่มา

APEC. (26 August 2022). APEC Seeks to Balance Health and Economic Policy. Retrieved from https://www.apec.org/press/news-releases/2022/apec-seeks-to-balance-health-and-economic-policy

แปลและเรียบเรียงโดย

นายศิวศิลป์ จุ้ยเจริญ, นักวิจัย

สถาบันอาณาบริเวณศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์