สงคราม “รัสเซีย-ยูเครน”  ยื้อ “เอเปค 2022” งานเข้า

13 มี.ค. 2565 เวลา 7:42 น. By ทีมข่าวความมั่นคง กรุงเทพธุรกิจ

บิ๊กศรภ. เช็คลิสต์กลุ่มก่อการร้าย คู่ขัดแย้ง 21 เขตเศรษฐกิจ 21 ประเทศสมาชิกเอเปค ที่ผู้นำจะเดินทางมาประชุมที่ไทยปลายปีนี้ แม้เบื้องต้นยังไม่พบความเคลื่อนไหว แต่สิ่งที่น่าหวั่นใจสงครามระหว่าง “รัสเซีย-ยูเครน” หากไม่จบ อาจได้เห็นมาตรการแซงชั่น “เอเปค 2022”

หากไฟสงคราม “รัสเซีย-ยูเครน” ไม่มอดลง อาจส่งผลกระทบไปถึงการประชุมผู้นำกลุ่มประเทศความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค) เพราะเป็นเวทีที่ผู้นำทั้ง 21 เขตเศรษฐกิจ จะเดินทางมาร่วมตัวอยู่ที่ “ประเทศไทย” ในฐานะที่เป็นเจ้าภาพช่วงเดือน พ.ย.2565 นี้

ก่อนสงคราม “รัสเซีย-ยูเครน” ปะทุ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพิ่งรับไม้ต่อจาก “นิวซีแลนด์” เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค 2022 ครั้งที่ 33 ภายใต้หัวข้อ “Open. Connect. Balance” หรือ “เปิดกว้างสร้างสัมพันธ์ เชื่อมโยงกัน สู่สมดุล”

มุ่งหวังให้ “เอเปค” เป็นเวทีเปิดกว้างสู่ทุกโอกาส เชื่อมโยงทุกมิติ สร้างสมดุลในทุกด้าน เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน ภายใต้วิสัยทัศน์เน้นแก้ปัญหาความไม่สมดุลจากวิกฤติ “โควิด-19” และการสร้างการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาค ผ่านแนวคิดเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว หรือ BCG Economy

โดยให้ความสำคัญกับการค้าการลงทุนแบบเสรี และการกระชับความร่วมมือในการรวมกลุ่มเศรษฐกิจ เร่งฟื้นฟูความเชื่อมโยงในภูมิภาค อย่างปลอดภัย ส่งเสริมการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม และใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมมาขับเคลื่อนการทำงานในทุกมิติ

โดย “พล.อ.ประยุทธ์” หมายมั่นปั้นมือ จะใช้โอกาสนี้ให้“ไทย”เปิดตัว และขับเคลื่อนการฟื้นประเทศจาก “โควิด-19” ไปสู่อนาคตผ่านการประชุมในระดับต่างๆ โดยเฉพาะการต้อนรับชาวต่างชาติ ตั้งแต่ระดับผู้นำประเทศ นักธุรกิจระดับสูง สื่อชั้นนำ และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องอื่นๆ ที่จะเดินทางมาเยือนประเทศไทยตลอดทั้งปี

ศูนย์รักษาความปลอดภัย (ศรภ.)กองบัญชาการกองทัพไทย ทำหน้าที่ดูแลงานด้านข่าวกรอง การต่อต้านการก่อการร้าย การติดตามความเคลื่อนไหวทั้งภายใน และภายนอกประเทศ ร่วมถึงจัดทีมรักษาอารักขาบุคคลสำคัญ ดูแลสถานที่ ได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงที่เกี่ยวข้อง เพื่อรองรับประชุม “เอเปค 2022” และการประชุมย่อยต่างๆ ที่จะมีขึ้น

โดย ศรภ. ให้ความสำคัญเรื่องการ “ก่อการร้าย” โดยลิสต์รายชื่อทุกกลุ่มที่เป็นคู่ขัดแย้งกับประเทศต่างๆ พร้อมประสานงานกับเครือข่ายข้อมูลก่อการร้ายในภูมิภาคอาเซียนอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะคนที่มีแนวคิดหัวรุนแรง กลุ่ม Lone Wolf (ก่อเหตุคนเดียว หัวรุนแรง) ที่ไม่เคยมีประวัติมาก่อน

ในขณะ พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้จับตาบุคคลที่มีประวัติเดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง หลังปีที่แล้วมีการปล่อยนักโทษมุสลิม ทั้ง มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ที่ถูกสหรัฐฯควบคุมตัวไว้ที่ “อัฟกานิสสถาน” กลับประเทศ

“ตอนนี้ยังไม่พบความเคลื่อนไหวของ กลุ่มก่อการร้าย หรือสิ่งบ่งชี้ว่าจะมีการก่อเหตุ จากการสอบถามไปยัง 21 เขตเศรษฐกิจ ทุกประเทศยืนยันตรงกันว่าไม่มีข้อกังวล หรือประเด็นอะไรที่จะให้ทางการไทยดูแล หรือเข้มงวดเป็นพิเศษ ขณะที่ระบบการรักษาความปลอดภัยของ ศรภ.ยืนยันว่าเกิน 100% ทั้งดูแลบุคคลสำคัญ สถานที่จัดงาน งานด้านการข่าว เพราะเป็นภารกิจระดับชาติ ถือเป็นหน้าเป็นตาของประเทศ” แหล่งข่าว ศรภ. กล่าวและว่า

สิ่งที่น่ากังวลที่สุด สถานการณ์การสู้รบระหว่าง “รัสเซีย-ยูเครน” หากลากยาว อาจส่งผลกระทบต่อการประชุมเอเปค อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หลังสหรัฐและพันธมิตรประกาศคว่ำบาตรรัสเซีย พร้อมใช้มาตรการแซงชั่นเศรษฐกิจ กดดันอย่างหนัก

เนื่องจาก ผู้นำ 21 เขตเศรษฐกิจ 21 ประเทศที่เป็นสมาชิกเอเปค และมีคิวจะเดินทางมาร่วมประชุมในประเทศไทยปลายปีนี้ ประกอบด้วย ประเทศมหาอำนาจทางการเมือง และเศรษฐกิจที่สำคัญ คือ สหรัฐอเมริกา รัสเซีย สาธารณรัฐประชาชนจีน ญี่ปุ่น 

รวมทั้งสมาชิกอาเซียน และประเทศในอเมริกาเหนือและใต้ ได้แก่ ออสเตรเลีย แคนาดา เกาหลีใต้ ฮ่องกง นิวซีแลนด์ บรูไน อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ ไทย จีนไทเป (ไต้หวัน) ชิลี เม็กซิโก ปาปัวนิวกินี เปรู และเวียดนาม

โดยในจำนวนนี้ มี 8 ประเทศถูก“รัสเซีย” ประกาศขึ้น “แบล็คลิสต์” เป็น “ศัตรู” ประกอบด้วย สหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ ไต้หวัน นิวซีแลนด์

ก็เป็นเรื่องที่น่าคิดว่า หาก “สงคราม รัสเซีย-ยูเครน”ไม่จบ อาจได้เห็นมาตรการแซงชั่น“เอเปค 2022” หาก รัสเซีย มา สหรัฐและพันธมิตร ไม่มา “ไทย” ในฐานะเจ้าภาพอาจตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

Cr. กรุงเทพธุรกิจ