21 ก.ค. 63 10:28 น. สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า วารสารแลนเซ็ต ซึ่งเป็นวารสารทางการแพทย์ของสหรัฐฯ ได้เปิดเผยว่า บริษัทแอสตราซาเนกา (AstraZeneca) ของอังกฤษ-สวีเดน และมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ประสบความสำเร็จในการทดลองวัคซีนรักษาไวรัสโควิด-19 เฟสแรก หลังได้ทดลองในอาสาสมัครที่มีสุขภาพแข็งแรงจำนวน 1,077 คน ที่มีช่วงอายุระหว่าง 18-55 ปี และเตรียมทดลองเฟสที่ 2 ในเร็วๆ นี้
ปาสกาล โซริออต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารแอสตราซาเนกา กล่าวว่าการทดลองในเฟสแรก พบว่า วัคซีนที่ใช้ทดลองสามารถเพิ่มระดับแอนติบอดี้และทำลายเชื้อไวรัสได้ถึง 4 เท่า รวมถึงเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับภูมิคุ้มกัน T-cells โดยไม่มีผลข้างเคียง ซึ่งทีมผู้พัฒนาจะทดลองต่อในเฟสที่ 2 โดยจะพยายามค้นคว้าให้เร็วที่สุดเพื่อให้สามารถส่งมอบวัคซีนได้ก่อนสิ้นปีนี้
ด้านซาราห์ กิลเบิร์ต ผู้พัฒนาวัคซีนกล่าวว่าทางทีมผู้ทดลองยังมีอีกหลายขั้นตอนที่จะต้องทดสอบซึ่งขณะนี้ยังไม่รู้ว่าวัคซีนจะมีความแข็งแกร่งมากแค่ไหน และยังไม่ทราบแน่ชัดว่า ต้องใช้การตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันมากเพียงใดถึงจะกระตุ้นการป้องกันเชื้อได้อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งทีมผู้พัฒนาจะทำการวิจัยในส่วนนี้ต่อไป
ซึ่งนอกจากการทดลองของบริษัทแอสตราซาเนกาและมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดแล้ว บริษัทคันสิโน ไบโอโลจิกส์ อิงค์ และหน่วยงานวิจัยของกองทัพจีน ได้เปิดเผยความคืบหน้าของการทดลองเช่นเดียวกัน โดยให้ผลไปในเชิงบวก อย่างไรก็ตาม วารสารแลนเซ็ตได้กล่าวเพิ่มเติมวัคซีนจากทั้งสองบริษัทยังไม่ได้ทำการทดลองกับผู้ที่มีเชื้อไวรัสโควิด-19 จึงยังไม่สามารถสรุปได้ว่าวัคซีนมีคุณสมบัติในการรักษาไวรัสโควิด-19 จริงหรือไม่
ขณะที่นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของอังกฤษ กล่าวว่า เขายังไม่สามารถให้คำมั่นสัญญาได้ว่าวัคซีนที่ใช้รักษาจะประสบความสำเร็จในปลายปีนี้ เนื่องจากวัคซีนยังอยู่ขั้นตอนของการทดลอง โดยล่าสุดรัฐบาลอังกฤษได้บรรลุข้อตกลงในการสั่งซื้อวัคซีนรักษาโดวิดล่วงหน้าจาก บริษัทผลิตยาชั้นนำจากทั่วโลกจำนวน 90 ล้านโดส เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
รายงาน ภูมินทร์ คิดเลิศล้ำ
เรียบเรียง ภูมินทร์ คิดเลิศล้ำ
อนุมัติ พิมพ์รภัส ศิริไพรวัน
