ฟลอริดากลายเป็น ‘พื้นที่วิกฤติ’ ของโควิด-19 ในสหรัฐ

พุธที่ 15 กรกฎาคม 2563 เวลา 11.22 น. เดลินิวส์

ทางการรัฐฟลอริดาของสหรัฐรายงานผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 132 คนภายในวันเดียว เป็นสถิติสูงสุด ขณะที่เขตไมอามี-เดด เพิ่มความเข้มงวดของมาตรการทางสังคมเพื่อลดการแพร่ระบาดของเชื้อโรคให้ได้มากที่สุด

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 15 ก.ค. ว่านายรอน เดอซานทิส ผู้ว่าการรัฐฟลอริดา แถลงเมื่อวันอังคาร เกี่ยวกับสถานการณ์โรคโควิด-19 ในพื้นที่ ว่าในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีการยืนยันผู้ติดเชื้อใหม่ 9,194 คน เพิ่มจำนวนผู้ป่วยสะสมเป็นอย่างน้อย 291,629 คน

ขณะที่ในรอบวันเดียวกันพบผู้เสียชีวิตอีก 132 คน เป็นสถิติรายวันสูงสุดครั้งใหม่ และเพิ่มสถิติผู้เสียชีวิตสะสมจากโรคโควิด-19 ในรัฐฟลอริดาเป็นอย่างน้อย 4,409 คน แม้สถิติผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตสะสมจากโรคโควิด-19 ในรัฐฟลอริดายังเป็นรองรัฐนิวยอร์กและรัฐแคลิฟอร์เนีย แต่แนวโน้มการเพิ่มขึ้นในอัตราเร่งของทั้งผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตหมายความว่าสถานการณ์ของโรคโควิด-19 ในรัฐฟลอริดา “กลายเป็นพื้นที่วิกฤติที่สุด” ของสหรัฐไปแล้ว

ทั้งนี้ หากจำแนกสถานการณ์ของรัฐฟลอริดาออกเป็นรายเขตพบว่า เขตไมอามี-เดด สถานที่ตั้งของเมืองไมอามี เมืองใหญ่อันดับ 7 ของสหรัฐ มีผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตสะสมมากที่สุด โดยในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาพบผู้ติดเชื้ออีก 2,090 คน และผู้เสียชีวิต 32 คน เพิ่มจำนวนผู้ป่วยสะสมในพื้นที่เป็นอย่างน้อย 69,803 คน และเสียชีวิตแล้ว 1,175 คน

  นายคาร์ลอส จิมิเนซ นายกเทศมนตรีเขตไมอามี-เดด ยกระดับมาตรการควบคุมโรคในพื้นที่ จากการบังคับใช้เคอร์ฟิว “อย่างไม่มีกำหนด” ระหว่างเวลา 22.00 น. ถึง 06.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ตั้งแต่วันชาติสหรัฐ 4 ก.ค. ที่ผ่านมา เพิ่มเป็นการปิดพื้นที่รับประทานอาหารภายในร้าน แต่ยังอนุโลมให้มีการนั่งรับประทานนอกร้านซึ่งเป็นพื้นที่กลางแจ้งได้ ภายใต้เงื่อนไขต้องรักษาระยะห่างพร้อมสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า  ส่วนฟิตเนสยังคงเปิดได้ตามปกติ แต่ผู้ใช้บริการต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า “ตลอดเวลา”.

เครดิตภาพ : AP

CR:เดลินิวส์