10 ก.ค. 2020 โดย ลงทุนแมน

ลงทุนแมนติดตามเรื่องโรคระบาดตั้งแต่แรกที่อู่ฮั่น
ในตอนนั้นคิดว่าเรื่องนี้กระทบหนัก
แต่เชื่อไหมว่า ณ ตอนนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นมันแย่กว่าที่คาดไว้ในตอนนั้นเสียอีก
และประเทศที่ดูเหมือนว่ามันจะจบแล้ว
กลับกลายเป็นว่าโรคก็ผุดขึ้นมาใหม่
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในแต่ละประเทศด้วยเคสที่แตกต่างกัน
ฃซึ่งล่าสุดที่ฮ่องกง..
กระทรวงศึกษาธิการฮ่องกงประกาศให้โรงเรียนทุกแห่งปิดการเรียนการสอนตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป
หลังจากที่โควิด-19 กลับมาแพร่ระบาดอีกครั้ง
ที่น่าสนใจก็คือ ผลการสอบสวนโรคที่ฮ่องกงพบว่า
เป็นการติดเชื้อกันเองในประเทศกว่า 34 คน
ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในรอบ 3 เดือน
นอกจากนั้น ในรอบ 5 วันที่ผ่านมา มีผู้ป่วยอย่างน้อย 12 คนที่ทางการฮ่องกงยังระบุไม่ได้ว่าที่มาที่ไปของการติดเชื้อเกิดขึ้นจากอะไร
เหตุการณ์เดียวกันนี้ก็ยังได้เกิดขึ้นในอีกหลายประเทศ
เช่น สหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และสิงคโปร์
ภายหลังจากประเทศเหล่านี้เริ่มผ่อนคลายมาตรการปิดเมือง ปิดประเทศ
แม้ว่าตอนนี้สถานการณ์ในประเทศไทยจะผ่อนคลาย
แต่ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นทั่วโลกมันไม่ได้ดีเหมือนประเทศเรา
เรียกได้ว่าแย่กันไปหมด
หากเรามาดูจำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลก
ต้นเดือนพฤษภาคม โลกมีผู้ติดเชื้อ 3.3 ล้านคน
ต้นเดือนมิถุนายน โลกมีผู้ติดเชื้อ 6.3 ล้านคน
ต้นเดือนกรกฎาคม โลกมีผู้ติดเชื้อ 10.8 ล้านคน
และวันนี้ยอดผู้ติดเชื้อทั้งหมดพุ่งสูงขึ้นเป็น 12.4 ล้านคน
จะเห็นได้ว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อยังคงเพิ่มสูงขึ้น
ในขณะที่โลกของเรามีผู้ติดเชื้อรายใหม่ราว 2 แสนคน ต่อวัน
เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่า..
สถานการณ์ทั่วโลกไม่ได้มีทีท่าว่าจะดีขึ้น
แถมทันทีที่เราเริ่มผ่อนคลายมาตรการคุมเข้ม
โรคระบาดก็พร้อมที่จะกลับมาหาเราแทบจะในทันที
คำถามต่อไปก็คือ
ต่อจากนี้ เราจะทำอย่างไร?
ถึงตรงนี้ เราก็อาจเหลือเพียง 2 ตัวเลือก นั่นก็คือ
1. เปิดประเทศ
2. ไม่เปิดประเทศ
ซึ่งแน่นอนว่าภายใต้เงื่อนไขทางเศรษฐกิจในแต่ละประเทศที่ไม่เหมือนกัน
มันก็จะนำไปสู่การตัดสินใจ ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง..
เดือนที่ผ่านมา หลายประเทศพูดถึงความเป็นไปได้ของ Travel Bubble
ที่จะทำให้ประเทศต่างๆ ที่สามารถควบคุมโรคระบาดได้ดี
กลับมาเดินทางไปมาหาสู่กันได้อีกครั้ง
แต่เมื่อข้อเท็จจริงคือ โรคระบาดยังกลับมาระบาดใหม่เรื่อย ๆ
ถ้าเรามี Travel Bubble กับฮ่องกง ที่ตอนนี้กลับมาระบาดใหม่หลายสิบคน
หรือมี Travel Bubble กับญี่ปุ่น ที่ตอนนี้กลับมาระบาดใหม่หลายร้อยคน
เราทุกคนก็คงจะไม่สบายใจ
และเรื่องทั้งหมดนี้ก็อาจทำให้ความเป็นไปได้ของ Travel Bubble ริบหรี่ลงทุกที จากที่เคยวาดฝันเมื่อเดือนที่แล้ว
นอกจากนี้ จากเหตุการณ์ในอดีตก็ได้สอนเราแล้วว่า..
การไม่ให้ความร่วมมือ หรือความประมาทจากคนเพียงคนเดียว
สามารถกลายเป็น Super Spreader ที่ส่งผลกระทบรุนแรงกว่าที่ทุกคนคิด
ทั้งหมดนี้กลายมาเป็นโจทย์สำคัญต่อทั้งผู้มีอำนาจในการบริหารประเทศ
เจ้าของธุรกิจ รวมถึงเราทุกคน ที่จะต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้น
หลายคนอาจจะบอกว่าโรคระบาด
และเศรษฐกิจทั่วโลกได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาสที่ 2
และในระยะเวลาอันใกล้ นักท่องเที่ยวต่างประเทศ จะกลับเข้ามาประเทศเราได้เหมือนเดิม
แต่พอมาดูข้อเท็จจริงของ “ต่างประเทศ” ในวันนี้ก็อาจจะต้องกลับมาคิดใหม่
และทำให้เกิดคำถามที่น่าสนใจตามมาว่า
เราควรรอให้นักท่องเที่ยวต่างประเทศกลับมาหรือไม่?
เพราะทุกนาทีที่มีความหวัง
ในขณะเดียวกัน ก็ทำให้เสียโอกาสในทรัพยากรในทุกด้าน
จากเดิมต้องฝืนเลี้ยงพนักงาน เพื่อรอคอยวันที่กลับมาทำหน้าที่เดิม
แต่ตอนนี้มันไม่มีงานนั้นให้ทำ
เราจะให้พนักงานรอ หรือ ปล่อยให้พนักงานไปทำงานอื่น
จากเดิมต้องบำรุงรักษาอุปกรณ์สถานที่ ให้คงเดิม ทั้งที่ไม่มีลูกค้ามาใช้
เราจะให้สถานที่รอ หรือ ปล่อยสถานที่ไปใช้งานอย่างอื่น
จากเดิมต้องเปิดดำเนินการ ขาดทุนไปวันๆ เพื่อหวังว่าจะเป็นดังเดิม
เราจะยอมเลือดไหลไปเรื่อย หรือ หยุดแล้วเริ่มต้นธุรกิจใหม่
มันคงไม่มีคำตอบที่ถูกต้องสำหรับทุกคน
