8 มิ.ย. 63 11:11 น. สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

จากข้อมูลการสำรวจภาวะการทำงานของประชากรคนไทยเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงจำนวนคนว่างงานกว่า 3.92 แสนคน (อ้างอิง: สำนักงานสถิติแห่งชาติ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม) ประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เกิดขึ้น ได้ส่งผลกระทบในหลายภาคส่วนทำให้เกิดอัตราคนว่างงานที่เพิ่มมากขึ้น
อีกทั้งมีการคาดการณ์จากสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย (กกร.) ว่ามีพนักงาน 7 ล้านคนที่จะออกจากงานภายในเดือนมิถุนายน เนื่องจากการปิดตัวลงของภาคธุรกิจ และส่งผลกระทบต่อคนทำงานที่มีรายได้น้อยกว่า 20,000 บาทต่อเดือน
แต่ในวิกฤตดังกล่าวก็ยังพบว่ามีธุรกิจหลายประเภทที่ยังมีความต้องการแรงงาน เพื่อมาช่วยขับเคลื่อนให้องค์กรสามารถข้ามผ่านสถานการณ์ดังกล่าวไปได้ ด้วยเหตุนี้ จ๊อบส์ ดีบี จึงได้เผยภาพรวมความต้องการคนทำงานทั่วประเทศไทยช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคม 2563 พบข้อมูลดังนี้
5 ธุรกิจที่ยังมีความต้องการคนทำงาน ได้แก่
1. ธุรกิจไอที (Information Technology)
2. ธุรกิจการผลิต (Manufacturing)
3. ธุรกิจขายส่ง ธุรกิจขายปลีก (Wholesale / Retail)
4. ธุรกิจบริการด้านการเงิน (Financial Services) และ
5. ธุรกิจ Trading ธุรกิจจัดจำหน่าย (Trading and Distribution)
และยังมี 5 สายอาชีพที่ยังคงมีความต้องการคนทำงาน ได้แก่
1. งานขาย งานบริการลูกค้า งานพัฒนาธุรกิจ (Sales, CS & Business Devpt)
2. งานไอที (Information Technology)
3. งานวิศวกรรม (Engineering)
4. งานการตลาด งานประชาสัมพันธ์ (Marketing/Public Relations) และ
5. งานธุรการ งานทรัพยากรบุคคล (Admin & HR)
จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นได้ว่ากลุ่มธุรกิจและสายงานไอทีเป็นกลุ่มที่มีความต้องการคนทำงานสูง เนื่องจากหลายองค์กรมีการปรับตัวรับ New Normal รวมถึงการทำงานให้สอดคล้องกับยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ในขณะที่ธุรกิจผลิตและจัดจำหน่าย มีการเตรียมความพร้อมรับคนกลับมาทำงานหลังภาพรวมต่างๆ เริ่มส่งสัญญาณในทิศทางที่ดีขึ้น
ทั้งนี้ จากข้อมูลล่าสุดสิ้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา พบว่ามีตัวเลขความต้องการแรงงานเริ่มฟื้นตัวกลับมา แบ่งตามกลุ่มธุรกิจ ได้แก่
1. ธุรกิจโลจิสติกส์ (Logistic) เพิ่มขึ้น 23%
2. ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ (Property Development) เพิ่มขึ้น 13%
3. ธุรกิจโฆษณา ธุรกิจการตลาด ธุรกิจประชาสัมพันธ์ (Advertising/Public Relations/Marketing Services) เพิ่มขึ้น 6%
4. ธุรกิจประกันภัย (Insurance/Pension Funding) เพิ่มขึ้น 5% และ
5. ธุรกิจขายส่ง ธุรกิจขายปลีก (Wholesale/Retail) เพิ่มขึ้น 2%
พรลัดดา เดชรัตน์วิบูลย์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท จัดหางาน จ๊อบส์ ดีบี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า จะเห็นได้ว่าการเติบโตของของภาคธุรกิจเหล่านี้มีความเกี่ยวข้องกับวิถีการใช้ชีวิตของผู้คนมากขึ้น เช่น ธุรกิจโลจิสติกส์ ที่มีการเติบโตจากการขนส่งสินค้าออนไลน์ รวมถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีการสั่งอาหารเดลิเวอรีเพิ่มมากขึ้น ส่วนธุรกิจประกันภัยมีการเติบโตเนื่องจากผู้คนส่วนใหญ่หันมาให้ความสำคัญกับประกันสุขภาพมากในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมถึงธุรกิจขายส่ง ธุรกิจขายปลีก ที่มีแน้วโน้มเติบโตอันเป็นไปตามเทคโนโลยีดิจิทัล
ในขณะที่ 5 กลุ่มธุรกิจที่มีจำนวนประกาศงานลดเนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว ธุรกิจท่องเที่ยว (Tourism/Travel Agency) ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจบริการ ธุรกิจจัดเลี้ยง (Hospitality/Catering) ธุรกิจก่อสร้าง ธุรกิจสถาปัตยกรรม (Architecture/Building/Construction) ธุรกิจยานยนต์ (Motor Vehicles) ธุรกิจวิศวกรรมก่อสร้าง-ธุรกิจวิศวกรรมโยธา-ควบคุมอาคาร (Engineering-Building, Civil, Construction/Quantity Survey)
สำหรับภาพรวมของฝั่งคนหางาน พบว่าในเดือนพฤษภาคม ผู้สมัครงานมีจำนวนการสมัครงานเพิ่มขึ้น คิดเป็น 20% เมื่อเทียบกับเดือนเมษายน ทั้งจากคนทำงานที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ รวมถึงผู้สมัครงานบางส่วนเริ่มมีความเชื่อมั่นในสถานการณ์ และมองหาโอกาสในการทำงานเพิ่มขึ้น ซึ่งพิจารณาจากใบสมัครเติบโตสูง พบว่า
1. ธุรกิจ Trading ธุรกิจจัดจำหน่าย (Trading and Distribution) เพิ่มขึ้น 32%
2. ธุรกิจสารเคมี พลาสติก กระดาษ ปิโตรเคมี (Chemical/Plastic/Paper/Petrochemical) เพิ่มขึ้นสูงถึง 13%
3. ธุรกิจไอที (Information Technology) เพิ่มขึ้น 10% และ
4. ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ธุรกิจจัดเลี้ยง (Food and Beverage/Catering) เพิ่มขึ้น 2%
และในช่วงเวลาเดียวกันยังแสดงให้เห็นถึง 5 กลุ่มสายงานเป็นที่ต้องการของผู้สมัครงานสูงคือ
1. อีคอมเมิร์ซ (E-commerce) เพิ่มขึ้น 75%
2. งานขาย งานบริการลูกค้า งานพัฒนาธุรกิจ (Sales, CS & Business Development) เพิ่มขึ้น 3%
3. งานบัญชี (Accounting) เพิ่มขึ้น 3%
4. งานไอที (IT) เพิ่มขึ้น 3%
5. งานการตลาด งานประชาสัมพันธ์ (Marketing/Public Relations) เพิ่มขึ้น 2% ตามลำดับ
ซึ่งการแข่งขันเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่อภาคธุรกิจในการจ้างงาน ให้สามารถเลือกคนทำงานได้ตรงตามเป้าหมาย โดยเฉพาะภาคธุรกิจที่ต้องการก้าวสู่ดิจิทัลและอีคอมเมิร์ซในอนาคตต่อไป
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
เรียบเรียง อรนุช ภัทรกุล
อนุมัติ อนุรักษ์ ลีประเสริฐสุนทร
CR:Efinancethai
