สิงคโปร์, 21 พฤษภาคม 2020. หน่วยสนับสนุนนโยบาย APEC

หน่วยสนับสนุนนโยบาย APEC สนับสนุนให้สมาชิกของ APEC ควรใช้นโยบายการค้าแบบเปิดเพื่อปกป้องความมั่นคงทางอาหารท่ามกล่างการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19
จากบทสรุปนโยบายที่เกี่ยวข้องกับข้อจำกัดการส่งออกและความมั่นคงทางอาหารในบริบทของการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 แสดงให้เห็นว่า การจำกัดการเคลื่อนย้ายข้ามพรมแดนส่งผลกระทบต่อการจัดการด้านอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสินค้าที่เน่าเสียง่าย เช่น ผลไม้ ผัก นม อาหารทะเลและเนื้อสัตว์
คาร์ลอส คูริยามา (Carlos Kuriyama) นักวิเคราะห์อาวุโสของหน่วยสนับสนุนนโยบาย APEC กล่าวว่า “รัฐบาลของบางสมาชิกมีการตอบสนองต่อการค้าอย่างตื่นตระหนก โดยมีการห้ามส่งออกหรือจำกัดการส่องออกผลิตภัณฑ์อาหารบางประเภท โดยหวังที่จะรักษาความพร้อมของอาหาร” คูริยามายังอธิบายอีกว่ามาตรการเหล่านี้คุกคามความมั่นคงด้านอาหารและเพิ่มราคาอาหาร ซึ่งสถานการณ์เหล่านี้เป็นอันตรายสำหรับประชาชน โดยเฉพาะครัวเรือนที่ยากจนที่สุด
“แม้ว่าตามกฎขององค์การการค้าโลก (WTO) จะมีการอนุญาตให้จำกัดการนำเข้า-ส่งออกในบางสถานการณ์ แต่ว่าการการลดอัตราภาษีจะเป็นการบิดเบือนทางการค้าน้อยกว่าการจำกัดการนำเข้า-ส่งออก การใช้มาตรการนี้ผู้บริโภคในประเทศและบริษัทต่าง ๆ จะสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์อาหารในปริมาณที่มากขึ้นและในราคาที่ต่ำลง เนื่องจากมีสินค้านำเข้าเพิ่มขึ้น”คูริยามาแนะนำ
จากรายงานสรุปนโยบายเศรษฐกิจของ สมาชิก APEC อย่างน้อย 4 แห่งได้ดำเนินการตามการจำกัดการส่งออกมีผลกระทบต่อผลิตภัณฑ์อาหารตั้งแต่ต้นปี มาตรการเหล่านี้รวมถึงการห้ามส่งออกชั่วคราวและโควต้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหาร เช่น ข้าว บัควีท ถั่วเหลือง ข้าวสาลี ข้าวโพด ข้าวบาร์เลย์และไข่ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับครอบครัว
แม้ว่าในปัจจุบันการจำกัดการส่งออกและการห้ามส่งออกสินค้าอาหารใน APEC จะมีอัตราไม่สูงในตอนนี้ แต่บทสรุปนโยบายของ APEC ได้เน้นถึงความสำคัญทางนโยบายของสมาชิกที่จะต้องระมัดระวังและกระชับความร่วมมือเพื่อหลีกเลี่ยงมาตรการนี้
ดร. รีเบคกา สตา มาเรีย (Dr.Rebecca Sta Maria) ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการ APEC กล่าวว่า “เราต้องการเห็นวิกฤติทางอาหารที่เกิดจากวัตถุดิบอาหารขาดแคลนและราคาสูงเป็นสิ่งสุดท้ายท่ามกลางการระบาดนี้ APEC จึงจำเป็นต้องตรวจสอบให้ชัดเจนว่าห่วงโซ่อุปทานอาหารยังคงเปิดอยู่และพร้อมให้ประชาชนของเราทุกคนรวมถึงชุมชนที่มีความเสี่ยง”
ปัจจุบัน สภาพแวดล้อมความมั่นคงด้านอาหารของภูมิภาค APEC มีสภาพการณ์ที่ดีขึ้น เมื่อเทียบกับวิกฤตอาหารโลกในปี 2007–2008 นับตั้งแต่นั้นอัตราส่วนรวมสต็อกของ APEC สำหรับข้าวโพดข้าวและข้าวสาลีเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า อย่างไรก็ตาม สมาชิกน้อยกว่าหนึ่งในสามมีการปรับปรุงอัตราส่วนข้าวและข้าวสาลี และมากกว่าครึ่งหนึ่งของสมาชิก APEC ในปัจจุบันมีอัตราส่วนการใช้สต็อกต่อการใช้ข้าวโพดในระดับต่ำกว่า 10%
“สิ่งนี้เป็นการตอกย้ำความจำเป็นที่จะต้องรักษานโยบายการค้าแบบเปิดเพื่อเป็นเครื่องมือในการปรับปรุงสต็อกอาหารในช่วงการระบาดครั้งนี้” คูริยามากล่าว นอกจากนี้เขายังให้ความเห็นว่า การเสริมสร้างความมั่นคงด้านอาหารจำเป็นต้องมีความพยายามร่วมกันนอกเหนือจากนโยบายการค้าที่เปิดกว้าง เช่น การรักษาความเชื่อมโยง การปรับปรุงความยืดหยุ่นของห่วงโซ่อาหาร การรักษาความโปร่งใส และเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศ
บทสรุปนโยบายยังแสดงให้เห็นว่า ความมั่นคงด้านอาหารเป็นพื้นที่สำคัญและซับซ้อนที่ต้องมีการวิเคราะห์เพิ่มเติม หน่วยสนับสนุนนโยบาย APEC สามารถทำงานอย่างใกล้ชิดกับกลุ่มงานของ APEC ที่เกี่ยวข้อง เพื่อทำความเข้าใจกับความท้าทายในปัจจุบันและสนับสนุนการตอบสนองนโยบายความมั่นคงด้านอาหารที่เหมาะสมต่อการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19
——————–
ผู้สนใจ Export Restrictions and Food Security in the Context of the COVID-19 Pandemic Policy Brief สามารถดาวน์โหลดรายงานฉบับนี้ได้จาก https://www.apec.org/Publications/2020/05/Export-Restrictions-and-Food-Security-in-the-Context-of-the-COVID-19-Pandemic
ที่มาของข้อมูลและภาพ: https://www.apec.org/Press/News-Releases/2020/0521_Food
แปลและเรียบเรียงโดย คณะทำงานศูนย์ศึกษาเอเปค สถาบันอาณาบริเวณศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
