วันที่ 25 พฤษภาคม 2563 – 23:25 น. มติชน

เฟซบุ๊กของสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย ออกประกาศสถานเอกอัครราชทูต ลงวันที่ 25 พฤษภาคม เรื่องวิธีการอยู่รอดภายใต้สถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 เพื่อการใช้ชีวิตต่อของแรงงานไทยในรัสเชีย อาร์เมเนีย มอลโดวา และอุซเบกิสถาน ความว่า
สถานการณ์ที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในประเทศแถบนี้ยังรุนแรงและเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ ทุกประเทศล้วนปิดน่านฟ้าห้ามไม่ให้สายการบินใดๆ บินเข้า-ออก ทำให้คนทุกชาติรวมทั้งไทยไม่สามารถเดินทางกลับบ้านได้
ข้าราชการสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมอสโก ทุกคนเข้าใจและเห็นใจในความไม่สะดวก ซึ่งพวกเรา โดยเฉพาะแรงงานไทยหลายคนอาจประสบความยากลำบากในการใช้ชีวิตด้วย
สถานเอกอัครราชทูตฯ รวมทั้งภาคเอกชนไทย อาทิ กลุ่มบริษัทเจริญโภคภัณฑ์ (รัสเชีย) ร้าน Thai Patara Spa ร้านอาหาร “Kab Kao” ได้ร่วมด้วยช่วยกัน “แบ่งรับทุกข์ ร่วมปันสุข” ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ภายใต้ข้อจำกัดนานัปการ แต่ก็ยากที่จะดำเนินการให้ได้ถ้วนทั่วสำหรับทุกคน เนื่องจากพื้นที่ในความดูแลกว้างใหญ่กว่าหลายประเทศรวมกัน อย่างไรก็ตาม ทุกคนที่สถานเอกอัครราชทูตฯ และผู้มีจิตอาสาทั้งหลายยังคงมุ่งมั่นทำหน้าที่ต่อไปอย่างเต็มกำลังและข้อจำกัดที่มีอยู่
วันนี้ สถานเอกอัครราชทูตฯ ขอเรียนพี่น้องแรงงานไทยเป็นการเฉพาะด้วยความเป็นห่วงและความปรารถนาดีเป็นอย่างยิ่งว่า ในสถานการณ์ที่เกือบทุกคนในแต่ละสังคมได้รับผลกระทบอย่างหนักหน่วงจากการแพร่ระบาดของเชื้อดังกล่าว แม้จะมีนายจ้างบางส่วนทอดทิ้งแรงงานโดยไม่ใยดี แต่ยังมีนายจ้างหลายรายที่แม้จะขาดรายได้ แต่ก็ยังยินดีดูแลแรงงานไทยด้านที่พักและอาหารตามคำแนะนำและการช่วยเหลือจากสถานเอกอัครราชทูตฯ ซึ่งนายจ้างอาจทำได้มากน้อยแตกต่างกันไปตามขีดความสามารถของนายจ้างและความเหมาะสมในแต่ละพื้นที่
แม้ว่าเขาจะไม่สามารถจ่ายเงินเดือนหรืออาจต้องลดเงินเดือนลง แต่ย่อมดีกว่าการปล่อยให้ลูกจ้างแรงงานต้องไปเผชิญชะตากรรมที่ไม่มีทางออกเอาเอง สถานการณ์ที่ไม่สามารถเดินทางโดยเครื่องบินได้ ย่อมปิดโอกาสในการกลับประเทศโดยสิ้นเชิงและอย่างไม่มีกำหนด
ดังนั้น สถานเอกอัครราชทูตฯ จึงขอฝากข้อคิดมายังพี่น้องแรงงานชาวไทยให้พิจารณาอย่างรอบคอบ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ความอยู่รอดซึ่งเราๆ ท่านๆ อาจได้มาจากความช่วยเหลือใกล้ตัว นับเป็นสิ่งที่สำคัญและดีที่สุด ดังสุภาษิตโบราณท่านว่าไว้ “สิบเบี้ยใกล้มือ ย่อมดีกว่ายี่สิบเบี้ยไกลมือ” การ “หวังพึ่งน้ำบ่อหน้า” จะนำพาเราไปสู่ความทุกข์ยากอันไม่สิ้นสุดได้
และเนื่องจากสถานการณ์ที่ทุกคนทุกหน่วยงานล้วนตกอยู่ในภาวะยากลำบากจากความไม่ปกติเช่นนี้ การเรียกร้องผ่านสื่อมวลชนหรือสื่อสังคมออนไลน์เพื่อกดดันให้ได้รับความช่วยเหลือตามความต้องการเฉพาะของเราเอง ก็ยากที่จะได้ผลตามที่มุ่งหวัง และผู้ที่จะได้รับทุกขเวทนาเป็นอันดับแรกก็คือ ตัวเราๆ ท่านๆ เอง
และแม้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจจะดิ้นรนหาทางช่วยเหลือท่านได้ในภายหลัง แต่ก็ไม่มีใครทราบหรือกำหนดได้ว่า ความช่วยเหลือจะมาสายเกินไปหรือไม่ เงินที่เก็บหอมรอมริบมาด้วยความเหน็ดเหนื่อยก็จะหมดไป ซ้ำยังต้องมีหนี้สินล้นพ้นตัวอันเกิดจากค่าใช้จ่ายที่ไม่มีใครจะสามารถแบกรับแทนได้ แม้แต่สถานเอกอัครราชทูตฯ หรือรัฐบาลไทยหรือรัฐบาลในประเทศที่ไปทำงานอยู่ เนื่องจากติดขัดทั้งระเบียบและข้อกฎหมาย รวมทั้งเงินภาษีและเงินกู้ของประเทศไทยก็ไม่เพียงพอ อีกทั้งเราๆ ท่านๆ ก็มิใช่คนเดียวหรือกลุ่มเดียวที่ต้องการความช่วยเหลือจากภาครัฐ
ทุกคนจึงไม่ควรที่จะสร้างทุกข์ภัยให้แก่ตัวเองจากการตัดสินใจที่ผิดพลาดด้วยการปฏิเสธความช่วยเหลือใกล้ตัวที่ยังมีให้เราได้แม้มันจะไม่มากมายหรือน่าพอใจ แต่ก็พอประทังให้สถานการณ์ดีขึ้นจนเข้าสู่ภาวะปกติเพื่อการดำเนินชีวิตต่อ และไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะฝากชีวิตหรือหวังได้รับความช่วยเหลือจากบริษัทนายหน้าที่พามาทำงาน เพราะเขาไม่ได้ประโยชน์โพดผลอันใดจากเราอีกแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเราหมดไปตั้งแต่งานของเขาเสร็จสิ้น การช่วยเหลือแรงงานอย่างเราย่อมมีแต่ค่าใช้จ่ายที่ตัวเรา นายหน้า และนายจ้างไม่พร้อมจะแบกรับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่เป็นแรงงานผิดกฎหมาย จึงเป็นไปไม่ได้ที่นายหน้าหรือใครจะสามารถส่งทุกคนให้เดินทางกลับบ้านกลับประเทศไทยได้โดยง่ายหรือมีค่าใช้จ่ายเล็กน้อย
เมื่อมีโอกาสได้รับความเอื้อเฟื้อช่วยเหลือในเรื่องที่พักพิงและอาหาร เพื่อเป็นปัจจัยการในการดำรงชีพจากนายจ้างตามคำร้องขอของสถานเอกอัครราชทูตฯ ซึ่งตั้งอยู่ไกลถึงกรุงมอสโก และน่าจะมีโอกาสในการกลับเข้าทำงานต่อหลังสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติยังมีอยู่ ก็นับว่าเรานั้นโชคดีกว่าคนอีกจำนวนมาก แรงงานทุกประเทศและแรงงานไทยอีกไม่น้อยล้วนอยากมีโอกาสเช่นเดียวกันนี้
ในสถานการณ์แบบนี้ นายจ้างเกือบทั้งหมดขาดรายได้ บางคนรายได้ลดลงจนขาดทุนย่อยยับ หากคิดถึงใจเขาใจเรา การเอื้อเฟื้อเรื่องที่อยู่ที่กินในสภาวะที่ตัวเราเองทำอะไรเองก็ไม่ได้ คนอื่นหรือหน่วยงานอื่นก็ยากที่จะช่วยเหลือเราได้ การรับข้อเสนอน้ำใจนั้นควรจะถือว่าดีพอสำหรับการต่อชีวิต และย่อมดีกว่าฝากความหวังไว้กับสายลมแสงแดดในต่างประเทศที่ได้กลายเป็นถิ่นทุรกันดารไปเรียบร้อยแล้ว
หากชาวไทยในต่างแดนจะรับฟังคำแนะนำของสถานเอกอัครราชทูตฯ ด้วยการเปิดโอกาสให้ตัวเราได้รับความช่วยเหลือดังตัวอย่างที่กล่าวมาข้างต้น นอกจากจะเป็นการช่วยเหลือตัวเราเองแล้ว ยังเป็นการช่วยเหลือครอบครัวของเรา เพื่อนร่วมชาติ และประเทศไทยไม่ให้ต้องเป็นหนี้ไปโดยปริยาย ลักษณะเช่นนี้กำลังเป็นเรื่องที่น่ากังวลในอุซเบกิสถาน ซึ่งนอกจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมอสโก จะได้ให้คำแนะนำและขอความช่วยเหลือร่วมมือจากนายจ้างในการดูแลเรื่องที่พักและอาหารแล้ว แต่หากแรงงานไทยยังเลือกที่จะออกมาหาที่พักเพื่อรอวันบินกลับประเทศไทยเอง ย่อมเป็นเรื่องที่สถานเอกอัครราชทูตฯ มีความห่วงกังวลอย่างยิ่ง และหวังว่าผู้ที่ตัดสินใจใช้ทางเลือกที่มีโอกาสริบหรี่เช่นนี้จะตระหนักบ้างว่า ในภาวะวิกฤต การดูแลตัวเองตามอัตภาพไม่ให้เดือดร้อนเกินควร คือความเมตตาอันดีเยี่ยมที่เราจะมีให้แก่ตัวเองได้ ขอให้ทุกท่านรักคนอื่นให้เป็น และรักตัวเองให้เพียงพอ ขอความสุข สวัสดีจงบังเกิดแก่พี่น้องชาวไทยทุกท่านตลอดไป
จึงประกาศมาเพื่อโปรดทราบ และขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ ที่นี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนหน้านี้มีแรงงานไทย 28 คนที่เข้าไปทำงานที่ประเทศอุซเบกิสถานผ่านการลงนามในสัญญาจ้างตรงกับบริษัท Your Equipment Supplier (YES) ที่จดทะเบียนในสาธารณรัฐเช็ก ต่อมาบริษัท YES ได้ขอเลิกสัญญากับบริษัท Enter Engineering (EE) ในอุซเบกิสถาน และลอยแพแรงงานไทยทั้ง 28 คน ตั้งแต่เมื่อช่วงต้นเดือนเมษายน
เบื้องต้นบริษัท EE ได้เสนอให้คนงานไทยทำงานต่อไปแต่ขอลดค่าจ้างลงครึ่งหนึ่งซึ่งแรงงานไทยปฏิเสธ ผู้จัดการชาวไทยจากบริษัทจัดหางานได้ขอร้องบริษัท EE ให้คนงานไทยพักอยู่ที่ค่ายพักคนงานต่อไปด้วยเหตุผลด้านมนุษยธรรม เนื่องจากขณะนี้อุซเบกิสถานปิดประเทศ ต่อมาในวันที่ 20 พฤษภาคม บริษัท EE ได้หารือกับคนงานไทยอีกครั้งหนึ่งว่าหากไม่รับข้อเสนอเดิมก็ขอให้ออกจากค่ายพักเพราะบริษัทไม่สามารถแบกรับค่าใช้จ่ายได้อีกต่อไป ขณะที่การลดเงินเดือนก็เป็นสิ่งที่บริษัทแจ้งกับแรงงานทุกประเทศเช่นเดียวกัน ไม่ใช่การเลือกปฏิบัติกับแรงงานไทย ที่น่าวิตกคือแรงงานไทยกลุ่มนี้ไม่ได้ลงทะเบียนกับกระทรวงแรงงานอุซเบกิสถานอย่างถูกต้อง ซึ่งอาจต้องโดนโทษปรับและกักขังก่อนถูกเนรเทศ
ล่าสุดแรงงานไทยทั้ง 28 คนได้ออกจากค่ายพักไปยังกรุงทาชเคนต์ เมืองหลวงของอุซเบกิสถานแล้ว ซึ่งเป็นที่มาของความห่วงกังวลของสถานทูตไทยในมอสโก ซึ่งมีเขตอาณาครอบคลุมถึงอุซเบกิสถาน ว่าแรงงานกลุ่มนี้อาจประสบปัญหาในการดำรงชีวิตตามมา อีกทั้งกว่าที่สายการบินจะกลับมาให้บริการได้ตามปกติก็น่าจะใช้เวลาอีกเป็นเดือน
CR: มติชน
