ศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม 2563 เวลา 08.44 น. เดลินิวส์

มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก กล่าวว่าเฟซบุ๊กไม่มีนโยบายเลิกให้พนักงานทำงานจากที่บ้าน แต่จะพัฒนารูปแบบการทำงานดังกล่าวให้ดียิ่งขึ้น โดยตั้งเป้าว่าพนักงานครึ่งหนึ่งจะสามารถทำงานที่บ้านได้ “ถาวร” ภายในอีก 5-10 ปีนี้

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 21 พ.ค. ว่านายมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร ( ซีอีโอ ) ของเฟซบุ๊ก กล่าวระหว่างการประชุมร่วมกับพนักงานทุกระดับ ผ่านระบบทางไกลด้วยคอมพิวเตอร์ เมื่อวันพฤหัสบดี ว่านับตั้งแต่เกิดวิกฤติการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 บนโลก สถิติของฝ่ายทรัพยากรบุคคลระบุว่า 95% ของพนักงานทั้งในและนอกสหรัฐทำงานจากที่บ้าน และเบื้องต้นมีการกำหนดกรอบเวลาให้ถึงสิ้นปีนี้

  อย่างไรก็ตาม ซัคเคอร์เบิร์กกล่าวว่านับจากนี้ บริษัทต้องการยกระดับ “มาตรการเชิงรุก” ในการทำงานจากนอกสำนักงานกับพนักงานปัจจุบัน “ให้เป็นแผนยุทธศาสตร์ในระยะยาว” ฝ่ายบริหารจึงขอให้พนักงานทุกคนอัพเดตข้อมูลอย่างละเอียด เกี่ยวกับ “สถานที่ทำงานจากบ้าน” ให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 1 ม.ค. ปีหน้า เพื่อ “ผลประโยชน์ด้านภาษี” ของแต่ละบุคคล

  ทั้งนี้ ซีอีโอของเฟซบุ๊กประเมินว่าภายในอีก 5 ถึง 10 ปีนับจากนี้ ครึ่งหนึ่งของพนักงานเฟซบุ๊กในปัจจุบันจะสามารถทำงานจากที่บ้าน และมีผลงานที่มีประสิทธิภาพ โดยกล่าวด้วยว่าการปรับเปลี่ยนนโยบายเกี่ยวกับสถานที่ทำงานของพนักงาน เป็นไปตามหนึ่งในนโยบายพื้นฐานของบริษัท คือการเป็นผู้นำด้านการสร้างวัฒนธรรมการทำงานให้กับสังคมของซิลิคอนวัลลีย์

ถ้อยแถลงของซัคเคอร์เบิร์กเกิดขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมง หลังฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศของบริษัทเผยว่ากำลังเร่งพัฒนาแพลตฟอร์มใหม่ เพื่อให้การทำงานภายในองค์กรสามารถทำจากที่บ้านได้สะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

อนึ่ง เฟซบุ๊กเป็นบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่แห่งล่าสุดของสหรัฐที่ออกมาสนับสนุนการทำงานจากที่บ้าน ซึ่งเป็นหนึ่งใน “วิถีชีวิตแบบใหม่” ที่เป็นผลจากวิกฤติโรคโควิด-19  แต่เป็นการตัดสินใจหลัง 1 สัปดาห์ก่อนหน้านั้น นายแจ็ค ดอร์ซีย์ ซีอีโอของทวิตเตอร์ ให้อิสระเต็มที่กับพนักงานในการทำงานที่บ้าน โดยสามารถทำงานจากนอกสำนักงานได้ตลอด และสามารถเข้ามาในบริษัทได้เมื่อต้องการ.

เครดิตภาพ : AP

CR: เดลินิวส์