ศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม 2563 เวลา 07.30 น. เดลินิวส์

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่าสหรัฐจะยุติความร่วมมือกับอีกประมาณ 30 ประเทศ ในการบินอากาศยานสอดแนมไม่ติดอาวุธเหนือน่านฟ้า หากภายในอีก 6 เดือนนับจากนี้ รัสเซีย “ไม่แก้ไขตัวเอง”
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 21 พ.ค. ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดี ว่าสหรัฐกับรัสเซียมีความสัมพันธ์ต่อกัน “ในระดับที่ดีมาก” อย่างไรก็ตาม เมื่อเอ่ยถึงสนธิสัญญาเกี่ยวกับการเปิดน่านฟ้าเพื่อความร่วมมือทางทหาร รัฐบาลมอสโกกลับไม่ปฏิบัติตาม ด้วยเหตุนี้ “จนกว่าอีกฝ่ายจะยึดมั่นตามข้อตกลง รัฐบาลวอชิงตันจะออกจากความร่วมมือดังกล่าวไปก่อน”
ทั้งนี้ ความร่วมมือที่ทรัมป์พูดถึงคือ “สนธิสัญญาว่าด้วยการเปิดน่านฟ้า” เสนอโดยรัฐบาลสหรัฐในสมัยประธานาธิบดีดไวต์ ดี. ไอเซนฮาวร์ มีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2545 หลังมีการลงนามเมื่อปี 2535 มีภาคีสมาชิก 35 ประเทศ รวมถึง 2 ประเทศยักษ์ใหญ่คือสหรัฐและรัสเซีย
สำหรับสาระสำคัญของข้อตกลงคือ การที่รัฐสมาชิกแต่ละแห่งสามารถบินอากาศยานสอดแนมไม่ติดอาวุธเหนือน่านฟ้าของกันและกันได้ เพื่อสำรวจ เก็บข้อมูล และถ่ายภาพ อันจะเป็นการยกระดับความร่วมมือทางทหาร ข่าวกรอง และการเสริมสร้างความเชื่อมั่นระดับพหุภาคีภายในกลุ่ม
ขณะที่ไมค์ ปอมเปโอ รมว.กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ กล่าวว่าการตัดสินใจของรัฐบาลวอชิงตันในเรื่องนี้ เป็นผลจากการตรวจสอบการปฏิบัติงานของภาคีสมาชิกร่วมข้อตกลงตลอดระยะเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา พบว่ารัสเซีย “ให้ความร่วมมือน้อยมาก” และหากอีกฝ่าย “ยังไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม” ความต้องการถอนตัวของสหรัฐจะมีผลทันทีภายในอีก 6 เดือนข้างหน้า โดยเริ่มนับถอยหลังตั้งแต่วันศุกร์ที่ 22 พ.ค. นี้เป็นต้นไป
ด้านกระทรวงการต่างประเทศของรัสเซียออกแถลงการณ์ปฏิเสธข้อกล่าวหาของทรัมป์และปอมเปโอ ว่าเป็นข้ออ้างครั้งใหม่ของรัฐบาลวอชิงตัน เพื่อทำลายเสถียรภาพของความร่วมมือระหว่างประเทศด้านกลาโหม อนึ่ง ความร่วมมือระหว่างสหรัฐกับรัสเซียตามกรอบของสัญญาอาวุธนิวเคลียร์พิสัยกลาง ( ไอเอ็นเอฟ ) ซึ่งลงนามร่วมกันเมื่อปี 2530 ซึ่งเป็นช่วงปลายสงครามเย็น ยุติอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนส.ค. ปีที่แล้ว.
เครดิตภาพ : AP
CR: เดลินิวส์
