พฤหัสบดีที่ 21 พฤษภาคม 2563 เวลา 11.30 น. เดลินิวส์

รัฐบาลเยอรมนีและลุฟต์ฮันซากำลัง “เจรจาขั้นสุดท้าย” เกี่ยวกับแผนการรักษากิจการของสายการบินแห่งชาติ ในวงเงินประมาณ 300,000 ล้านบาท

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี เมื่อวันที่ 21 พ.ค. ว่าลุฟต์ฮันซาออกแถลงการณ์เมื่อวันพุธ ว่ากำลังอยู่ระหว่าง “การหารือขั้นสุดท้าย” กับรัฐบาลเยอรมนี เกี่ยวกับมาตรการ “สร้างเสถียรภาพ” คิดเป็นวงเงิน 9,000 ล้านยูโร ( ราว 314,129.94 ล้านบาท )  จากจำนวนดังกล่าวอย่างน้อย 3,000 ล้านยูโร ( ราว 104,709.98 ล้านบาท ) จะเป็นการขอรับความช่วยเหนือในรูปแบบของสินเชื่อจากธนาคารเพื่อการฟื้นฟู ( คาเอฟเว )  ซึ่งเป็นสถาบันการเงินที่เป็นรัฐวิสาหกิจ

  ขณะที่หนังสือพิมพ์ธุรกิจ “ฮันเดลสบลัตต์” รายงานเพิ่มเติมว่า โครงการช่วยเหลือลุฟต์ฮันซาจะแบ่งออกเป็น 3 ขั้น โดยนอกจากเงินช่วยเหลือแล้ว รัฐบาลเยอรมนีจะเข้าถือหุ้นของสายการบินแห่งชาติในสัดส่วน 25% โดย 5% เป็นหุ้นกู้แปลงสภาพ และการที่รัฐบาลมีโควตาอย่างน้อย 2 ที่นั่งในบอร์ดบริหาร “แต่จะไม่ใช่บุคคลที่มาจากรัฐบาลและนักการเมือง” โดยเมื่อใดก็ตามที่คณะรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล อนุมัติแผนการดังกล่าว ลุฟต์ฮันซาต้องรับรองแผนการเดียวกันภายใน 48 ชั่วโมง

อนึ่ง ในช่วงหลายปีให้หลังมานี้ ขั้วการเมืองฝ่ายที่เป็นพันธมิตรกับนักลงทุนคัดค้านอย่างหนัก ต่อแนวคิดให้รัฐบาลเยอรมนีเข้าไปมีส่วนร่วมบริหารโดยตรงกับกิจการของลุฟต์ฮันซาอีกครั้ง ซึ่งยุติบทบาทรัฐวิสาหกิจอย่างเป็นทางการ เมื่อปี 2540 โดยมองว่าเป็น “ธุรกิจ” ที่ต้องให้ภาคเอกชนบริหารและแก้ไขกันเอง

อย่างไรก็ตาม พรรคสังคมประชาธิปไตย ( เอสพีดี ) พรรคการเมืองอันดับ 2 และเป็นตัวแปรสำคัญของรัฐบาลผสมเยอรมนี ต้องการให้ภาครัฐเข้าไปมีส่วนร่วมกับกิจการของลุฟต์ฮันซามากขึ้น เพื่อวางรากฐานอิทธิพลของรัฐบาลเบอร์ลินต่อการปรับเปลี่ยนนโยบายในอนาคตของสายการบิน ทั้งเรื่องพนักงาน และการรักษาสิ่งแวดล้อมให้เป็นไปตามแนวทางของสหภาพยุโรป ( อียู ) นอกเหนือจากการรักษากิจการของสายการบินแห่งชาติฝ่าฟันวิกฤติโรคระบาดโควิด-19 ที่ทำลายอุตสาหกรรมหารบินพาณิชย์โลกจนแทบล่มสลาย.

เครดิตภาพ : REUTERS

CR:เดลินิวส์