ศุกร์ที่ 15 พฤษภาคม 2563 เวลา 18.45 น. เดลินิวส์

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนกล่าวถึงความร่วมมือกับสหรัฐว่า “ควรพบกันครึ่งทาง” หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เดินหน้าโทษจีนเรื่องวิกฤติโรคระบาดโควิด-19 และ “อาจยุติความสัมพันธ์”
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 15 พ.ค.ว่านายจ้าว ลี่เจียน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวในช่วงหนึ่งของการแถลงประจำวันศุกร์ เกี่ยวกับการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่าวิกฤติโรคระบาดโควิด-19 ทำให้เขาไม่อยากเสวนากับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และกำลังพิจารณาโต้ตอบอีกฝ่าย ที่อาจรวมถึง “การตัดความสัมพันธ์” ว่าสหรัฐและจีน “ควรพบกันครึ่งทาง”
แม้นายจ้าวไม่ได้ขยายความว่า การพบกันครึ่งทางต้องทำอย่างไร แต่กล่าวถึงการยกระดับความร่วมมือระดับทวิภาคี ในการฝ่าฟันวิกฤติโรคระบาดโควิด-19 ขณะเดียวกัน การพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับจีนที่เป็นไปอย่างมั่นคง คือพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมระหว่างสองประเทศ และยังนำมาซึ่งสันติภาพและเสถียรภาพโลก
ทั้งนี้ ผู้นำสหรัฐกล่าวว่า “การตัดความสัมพันธ์” กับรัฐบาลปักกิ่ง จะช่วยให้อเมริกาประหยัดเงินได้มากถึง 500,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 16 ล้านล้านบาท ) สื่อถึงมูลค่าสินค้าที่นำเข้าจากจีนในแต่ละปี
สำหรับ “ข้อตกลงการค้าระยะที่หนึ่ง” ระหว่างสหรัฐกับจีนมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 15 ก.พ.ที่ผ่านมา มีสาระสำคัญว่า ภายใน 2 ปีนับจากนี้ จีนจะเพิ่มการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ ส่วนใหญ่เป็นสินค้าเกษตร แบ่งเป็น 76,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีแรก ( ราว 2.46 ล้านล้านบาท ) และอีก 123,300 ดอลลาร์สหรัฐในปีต่อไป ( ราว 3.95 ล้านล้านบาท ) สูงกว่ามูลค่าสินค้านำเข้าจากสหรัฐที่จีนสั่งซื้อเมื่อปี 2560 ซึ่งเป็นปีแรกที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐ
ส่วนเงื่อนไขทางการค้าที่สหรัฐผ่อนปรนให้จีน รวมถึงการลดกำแพงภาษีจาก 15% ลงมาอยู่ที่ 7.5% ต่อมูลค่าการนำเข้าสินค้าจากจีน 120,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 3.85 ล้านล้านบาท ) ซึ่งอัตราเดิมเป็นไปตามมาตรการที่รัฐบาลวอชิงตันบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 ก.ย. ปีที่แล้ว
อนึ่ง สงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 1 และ 2 ของโลก ปะทุขึ้นเมื่อเดือนม.ค. 2561 เริ่มจากการที่ทรัมป์สั่งขึ้นภาษีเครื่องซักผ้าและแผงเซลล์แสงอาทิตย์จากจีน หลังจากน้นตามด้วยการที่ทั้งสองประเทศขึ้นภาษีตอบโต้กันอย่างต่อเนื่อง.
เครดิคภาพ : REUTERS
CR: เดลินิวส์
