โดนัลด์ ทรัมป์เทียบไวรัสโคโรนากับ ‘เพิร์ลฮาร์เบอร์-911’

พฤหัสบดีที่ 7 พฤษภาคม 2563 เวลา 07.37 น. สำนักข่าวไทย

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงกล่าวโทษจีนเรื่องวิกฤติโรคระบาดโควิด-19 โดยกล่าวว่าเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ “เล่นงานสหรัฐ” รุนแรงยิ่งกว่าเหตุการณ์ที่เพิร์ลฮาร์เบอร์ และการก่อวินาศกรรม 9/11

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 6 พ.ค. ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวเมื่อวันพุธ ซึ่งตรงกับวันพยาบาลแห่งชาติของสหรัฐ ว่าวิกฤติการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่คร่าชีวิตประชาชนในประเทศไปแล้วมากกว่า 74,000 คน จากจำนวนผู้ป่วยสะสมมากกว่า 1.26 ล้านคน ว่าก่อให้เกิดผลกระทบต่อสหรัฐในระดับรุนแรงและเลวร้ายยิ่งกว่าเหตุการณ์เพิร์ล ฮาร์เบอร์ เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 2484 และเหตุวินาศกรรม 9/11 เมื่อวันที่ 11 ก.ย. 2544

ทั้งนี้ ผู้นำสหรัฐยังคงกล่าวว่าวิกฤติโรคระบาดครั้งนี้ “เป็นความผิด” ของจีน ที่ปล่อยให้เชื้อโรคอุบัติขึ้นที่เมืองอู่ฮั่น เมื่อเดือนธ.ค. ปีที่แล้ว “ทั้งที่สามารถหยุดยั้งไม่ให้เกิดขึ้นได้” บ่งชี้ว่ายังคงมีความเชื่อมั่นที่เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เกิดขึ้นโดยฝีมือมนุษย์ และมาจากห้องปฏิบัติการด้านไวรัสวิทยาในเมืองอู่ฮั่น ตามที่ทรัมป์กล่าวอ้างมาตลอด  ขณะที่นายไมค์ ปอมเปโอ รมว.กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ยืนกรานว่าเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่มาจากห้องทดลองในเมืองอู่ฮั่น แต่ยังบ่ายเบี่ยงแสดง “หลักฐาน”

อย่างไรก็ตาม นพ.แอนโธนี เฟาซี ผู้อำนวยการสถาบันโรคติดต่อและภูมิแพ้แห่งชาติของสหรัฐ ( เอ็นไอเอช )  กล่าวว่าข้อมูลทางวิทยาศาสตร์จากแทบทุกแหล่งบ่งชี้ไปในทางเดียวกัน ว่าเชื้อไวรัสชนิดนี้ “เกิดและพัฒนาตัวเองตามธรรมชาติ” และ “แพร่กระจายโดยก้าวข้ามสายพันธุ์จากสัตว์สู่มนุษย์”

นอกจากนี้ ทรัมป์กล่าวถึงภารกิจของคณะทำงานเฉพาะกิจตอบสนองโรคโควิด-19 ว่านับจากนี้จะเพิ่มการให้ความสำคัญกับการเปิดเศรษฐกิจและสังคม แม้ยอมรับว่าการเปิดเมืองตอนนี้ยังมีความเสี่ยง แต่ผู้นำสหรัฐกล่าวว่า “ทุกภาคส่วนจะหยุดยิ่งแบบนี้ต่อไปไม่ได้” และยืนยันว่านพ.เฟาซีจะยังคงอยู่ในทีมงานชุดนี้ต่อไป หลังมีกระแสข่าวออกมาเป็นระยะ ว่าทรัมป์ต้องการปลดนายแพทย์อาวุโสผู้นี้ ที่มีความคิดเห็นขัดแย้งกับเขาในหลายเรื่อง

ด้านน.ส.หัว ชุนหยิง โฆษกหญิงกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวว่าสหรัฐควรยุติกล่าวโทษจีน “ด้วยคำพูดเลื่อนลอย” แล้วนำเวลาที่คิดจะใช้เพื่อการนี้ ไปบริหารจัดการกิจการภายในของตัวเอง โดยเฉพาะการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคให้ดีเสียก่อน เพื่อรักษาชีวิตของประชาชนในประเทศ.

เครดิตภาพ : REUTERS

CR: เดลินิวส์