จันทร์ที่ 4 พฤษภาคม 2563 เวลา 12.00 น. เดลินิวส์

เจ้าหน้าที่ระดับสูงขององค์การอนามัยโลกกล่าวถึงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ว่าความร่วมแรงร่วมใจของมนุษย์ “่ผ่านมาครึ่งทางแล้ว” แต่โลกยังต้องสู้ต่อไป เพราะมีอีกหลายประเทศที่สถานการณ์ยังอยู่ในขั้นวิกฤติ
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 4 พ.ค. ว่านพ.ไมเคิล ไรอัน ประธานโครงการฉุกเฉินด้านสาธารณสุขขององค์การอนามัยโลก ( ดับเบิลยูเอชโอ ) กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ เกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 บนโลก ว่านับตั้งแต่มีการยืนยันผู้ป่วยคนแรกในจีน เมื่อเดือนธ.ค. ปีที่แล้ว ดับเบิลยูเอชโอยืนยันการแพร่ระบาดของโรคในอย่างน้อย 210 ประเทศและดินแดน
แม้สถานการณ์ในหลายประเทศ “ยังคงวิกฤติ” แต่ในขณะเดียวกัน สถานการณ์ในอีกหลายประเทศเริ่มส่งสัญญาณมากขึ้นในด้าน “ความเป็นไปได้” ของการควบคุมโรคในบางมิติ ท่ามกลางจำนวนผู้เสียชีวิตที่สะสมเพิ่มเป็นมากกว่า 240,000 คนจากจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมมากกว่า 3.5 ล้านคน
ทั้งนี้ นพ.ไรอันกล่าวลงลึกมาขึ้นว่า เส้นกราฟแนวโน้มของผู้ติดเชื้อในหลายประเทศของทวีปแอฟริกาและอเมริกาใต้ มีแนวโน้ม “ตั้งชันมากขึ้น” แม้วิเคราะห์ในเบื้องต้นพบว่าสถานการณ์ยังไม่ถึงขั้น “เป็นการแพร่ระบาดวงกว้างภายในชุมชน” แต่ปัญหาสำคัญคือการกระจายขอบเขตการตรวจคัดกรอง และการยกระดับมาตรการดังกล่าวให้เป็นเชิงรุกมากขึ้น
ขณะที่สถานการณ์ในยุโรปและอเมริกาเหนือ “เริ่มผ่านจุดวิกฤติที่สุด” และโดยรวมแล้วถือการเดินทางของทั่วโลกในการร่วมกันต่อสู้และเอาชนะเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ “ผ่านมาได้เพียงครึ่งทางเท่านั้น” และนพ.ไรอันย้ำว่า “ระยะปลอดภัยที่สุด” คือการที่มนุษย์สามารถเข้าถึงยารักษาและวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ได้อย่างทั่วถึงเท่านั้น
นอกจากนี้ นพ.ไรอันยังเน้นประเด็นเดียวกับเจ้าหน้าที่ของดับเบิลยูเอชโอทุกคน ซึ่งกล่าวอย่างต่อเนื่องในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ว่าสำหรับประเทศที่เข้าสู่ขั้นตอนของการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องปฏิบัติอย่างค่อยเป็นค่อยไป และมีมาตรการสำรองเผื่อไว้ในทุกขั้นตอน เนื่องจากเชื้อโรคสามารถกลับมาได้ทุกเมื่อ.
เครดิตภาพ : REUTERS
CR: เดลินิวส์
