การพังทลายของภาคอุตสาหกรรมใน 5 ประเทศอาเซียน

May 4, 2020( Last update May 4, 2020 12:05 )VoiceTV

ดัชนี PMI ของ เมียนมา-ฟิลิปปินส์-มาเลเซีย-เวียดนาม-อินโดนีเซีย หดตัวต่ำลง การจ้างงานมีปัญหา คำสั่งซื้อใหม่ไม่มี ทั้งผลเป็นผลของโควิด-19

ผลการสำรวจดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อ (PMI) ประจำเดือน เม.ย.ของบริษัทไอเอชเอส มาร์คิต ใน 5 ประเทศอาเซียน ได้แก่ เมียนมา, ฟิลิปปินส์, มาเลเซีย, เวียดนาม และอินโดนีเซีย สะท้อนความตกต่ำอย่างชัดเจนในภาคการผลิตที่อาเซียนต้องแบบรับจากวิกฤตโควิด-19 

เมื่อไล่ตามลำดับตัวเลขดัชนีของทุกประเทศหดตัวอยู่ในระดับต่ำกว่า 50.0 ซึ่งเป็นช่วงแบ่งเขตการขยายตัวของกิจกรรมหรือหดตัวแทบทั้งสิ้น โดยมีเมียนมาเผชิญศึกหนักตัวเลขหล่นมาอยู่ที่ 29.0 ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำที่สุดแล้วในประวัติศาสตร์ของประเทศ เช่นเดียวกับอินโดนีเซียที่มองเห็นการหดตัวจากระดับ 45.3 ในเดือน มี.ค.เป็น 27.5 ในเดือนนี้

สำหรับอีก 3 ประเทศ ได้แก่ ฟิลิปปินส์, มาเลเซีย และเวียดนาม ดัชนี PMI ใกล้เคียงกัยในระดับสามสิบกว่า หรือ 31.6, 31.3 และ 32.7 ตามลำดับ 

เมียนมา

นอกจากความน่ากังวลที่ตัวเลขของเมียนมาหล่นลงมาอยู่ที่ระดับ 29.0 แล้ว ความเลวร้ายอีกประการที่ซ่อนอยู่คือตัวเลขดังกล่าวเป็นการลดลงถึง 16.3 จุด จากเดือนก่อนหน้าที่ระดับดัชนี PMI ของประเทศอยู่ที่ 45.3 ซึ่งนับเป็นการหดตัวในช่วงหนึ่งเดือนที่ลงลึกที่สุดนับตั้งแต่เดือน ธ.ค.2558

Reuters 111219 อองซาน ซูจี ASSK Suu Kyi ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ICJ

‘อองซาน ซูจี’ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของเมียนมา

ขณะเดียวกันเมื่อมองลึกลงไปในดัชนีดังกล่าว ผลผลิต คำสั่งซื้อใหม่ และระดับการจ้างงานซึ่งคิดเป็นร้อยละ 75 ของน้ำหนักดัชนีรวมยังปรับตัวลดลงแทบทั้งสิ้น ซึ่งสอดคล้องกับการตอบแบบสอบถามของผู้ประกอบการที่กว่าร้อยละ 80 มีคำสั่งซื้อลดลง และมีเพียงแค่ร้อยละ 10 เท่านั้นที่มองเห็นธุรกิจเติบโตขึ้น

‘เทรเวอร์ บัลชิน’ ผู้อำนวยการด้านเศรษฐกิจของไอเอชเอส มาร์คิต ชี้ว่า ยิ่งถ้ามองในมิติของการจ้างงาน บริษัทราวร้อยละ 37 ยอมรับว่าจำนวนพนักงานในเดือน เม.ย.ลดลงจากเดือนก่อนหน้า จากปัจจัยหลักที่โรงงานปิดตัวสอดรับกับนโยบายภาครัฐ อย่างไรก็ตาม เรื่องที่ยังไม่แน่ชัดคือแรงงานเหล่านี้มากน้อยแค่ไหนที่จะได้กลับเข้ามาทำงานอีกครั้ง

ฟิลิปปินส์

หลังรัฐบาลออกมาประกาศยืดระยะเวลาการล็อคดาวน์ประเทศเป็นตลอดทั้งเดือน เม.ย.ผล กระทบจึงส่งอย่างชัดเจนในภาคการผลิตของฟิลิปปินส์ที่ดัชนี PMI หล่นจาก 39.7 ในเดือน มี.ค.มาเป็น 31.6 ในเดือน เม.ย.และเป็นระดับที่ต่ำที่สุดของประเทศ

ดูแตร์เต_ฟิลิปปินส์.jpg

‘โรดริโก ดูแตร์เต’ ประธานาธิบดีของฟิลิปปินส์

ภาคการผลิตของประเทศได้รับผลกระทบอย่างมากจากอุปสงค์ของผู้บริโภคที่ลดลงระหว่างการล็อคดาวน์ ขณะเดียวกันสถานการณ์ทั่วโลกก็ยังบั่นทอนตัวเลขการส่งออกไปพร้อมๆ กัน ด้วยเหตุนี้ฟิลิปปินส์จึงต้องเผชิญหน้ากับการหดตัวของคำสั่งซื้อสินค้าใหม่ที่ลดลงเร็วที่สุดเป็นประวัติการณ์

เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบเป็นโดมิโนต่อไปยังภาคการจ้างงานที่มีการปรับลดคนงาไปจนถึงการไล่ออกทั้งมดในกรณีที่โรงงานต้องปิดตัวลง อย่างไรก็ตาม ตัวเลขคนว่างงานในเดือน เม.ย.ยังน้อยกว่าเดือนก่อนหน้าเล็กน้อย

‘เดวิด โอเวน’ นักเศรษฐศาสตร์จากไอเอชเอส มาร์คิต ชี้ว่า ตัวแปรสำคัญของวิกฤตครั้งนี้อยู่ที่การจ้างงานเป็นหลัก แม้เลขโดยรวมจะยังแย่อยู่แต่ก็ถือว่าดีขึ้นมาจากเดือนก่อนหน้า ดังนั้น หากกิจกรรมทางเศรษฐกิจสามารถกลับมาได้อย่างรวดเร็วประเทศก็อาจมองเห็นการฟื้นตัวในฝั่งแรงงานด้วย

มาเลเซีย

สถานการณ์ของมาเลเซียเองไม่ได้แตกต่างจากประเทศอื่นมากนัก คือมาตรการล็อคดาวน์ห้ามการเคลื่อนย้ายส่งผลให้หลายธุรกิจต้องปิดตัวชั่วคราว ประกอบกับกำลังซื้อของผู้บริโภคจากทั้งในและนอกประเทศก็ลดลงจากวิกฤตโรคระบาด 

มูห์ยิดดิน ยัสซิน_รอยเตอร์ส

‘มูห์ยิดดิน ยัสซิน’ นายกรัฐมนตรีของมาเลเซีย

รายงานชี้ว่าสถานการณ์ด้านการส่งออกสร้างผลกระทบอย่างมากให้กับบริษัทเอกชน ตัวเลขสะท้อนกว่าร้อยละ 83 ของผู้ตอบแบบสอบถามมีคำสั่งซื้อเข้ามาใหม่จากต่างประเทศลดลง

ทั้งนี้ ‘คริส วิลเลียมสัน’ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ธุรกิจของไอเอชเอส มาร์คิต ยังฉายภาพบวกของมาเลเซียในฝั่งการจ้างงานได้บ้างเพราะแรงงานส่วนใหญ่ยังคงได้รับการคุ้มครองอย่างดีในระยะยาวอยู่

นอกจากนี้เมื่อลองนำปัจจัยอย่างดัชนี PMI มาคำนวณเปรียบเทียบเป็นอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ (จีดีพี) รายงานพบว่า จากดัชนีที่ 31.4 มาเลเซียจะมีจีดีพีร้อยละ 0 ในปี 2563 นี้ 

เวียดนาม

ด้านเวียดนามผู้ที่เคยได้รับประโยชน์มหาศาลจากวิกฤตสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ดูเหมือนจะไม่กลายเป็นผู้โชคดีเช่นเดิมในโรคระบาดครั้งนี้ เพราะตัวเลขดัชนี PMI เองก็ตกลงมาอยู่ที่ 32.7 ในเดือน เม.ย.จากเดิมที่ 41.9 ในเดือน มี.ค.

เหงียน ซวน ฟุก - เวียดนาม

‘เหงียน ซวน ฟุก’ นายกรัฐมนตรีของเวียดนาม

ปัจจัยบั่นทอนโดยตรงมีจากทั้งการยกเลิกคำสั่งซื้อ บริษัทหรือกิจการมากมายต้องปิดตัวลงทั้งชั่วคราวและถาวร ขณะที่การส่งออกเองก็ไม่ได้เข้ามาอุ้มอุตสาหกรรมไว้แต่อย่างใด 

นอกจากนี้ นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่มีการสำรวจมาที่นักธุรกิจในเวียดนามมีมุมมองแง่ลบต่อสถานการณ์เศรษฐกิจในอนาคต ในช่วง 1 ปีข้างหน้า โดยมาจากประเด็นความกังวลว่าเชื้อไวรัสจะยังอยู่ต่อไปอีกเป็นเวลานาน 

‘แอนดรูว์ ฮาร์เกอร์’ ผู้อำนวยการด้านเศรษฐศาสตร์ชี้ว่า “การจะดูว่าเดือน เม.ย.เป็นจุดต่ำสุดหรือยัง ก็ต้องรอดูว่าบริษัทและลูกค้าของพวกเขารับมือกับการคลายล็อคดาวน์และการกลับมาเป็นธุรกิจต่างๆ ที่หยุดไปชั่วคราวอย่างไรบ้าง”

อินโดนีเซีย

อินโดนีเซียนับเป็นอีกหนึ่งประเทศที่เห็นการหดตัวของดัชนี PMI อย่างมีนัยสำคัญ คือจาก 45.3 ในเดือน มี.ค.หล่นลงมาเป็น 27.5 ในเดือน เม.ย.ซึ่งนับว่าเป็นการปรับลดลงเยอะที่สุดในรอบ 9 ปี 

โจโก วีโดโด - อินโดนีเซีย - AFP

‘โจโก วีโดโด’ ประธานาธิบดีของอินโดนีเซีย 

สายการผลิตของประเทศมีปัญหาค่อนข้างมากจากนโยบายล็อคดาวน์ต่างๆ โรงงานหลายแห่งต้องปิดตัวลง และการขนส่งเองก็ถูกปิดกั้น จนระยะเวลาในการขนส่งสินค้าเกิดความล่าช้า ขณะที่สกุลเงินรูเปียห์ที่อ่อนค่าอย่างต่อเนื่องยิ่งไปส่งผลร้ายกับต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นอีก 

‘เบอร์นาร์ด ออว์’ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากไอเอชเอส มาร์คิต ย้ำว่า “ผลสำรวจนี้เน้นย้ำไปที่ความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนของอินโดนีเซียจากมาตรการด้านสาธารณสุขเพื่อต่อสู้กับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส ซึ่งทำให้อุปสงค์โลกลดลงและทำให้วัตถุดิบขาดแคลน”

ตัวเลขจากผลการสำรวจครั้งนี้ชี้ชัดแล้วว่าอุตสาหกรรมการผลิตของประเทศในภูมิภาคอาเซียนได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤตโควิด-19 อย่างไรก็ตามในการสำรวจครั้งนี้ของไอเอชเอส มาร์คิต ไม่ได้มีข้อมูลของประเทศไทยรวมอยู่ด้วย

CR:VoiceTV