อาทิตย์ที่ 3 พฤษภาคม 2563 เวลา 07.00 น. เดลินิวส์

นับตั้งแต่วันที่ 4 พ.ค.นี้ ชาวสเปนทุกคนต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า เมื่อใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะ ตามคำสั่งของรัฐบาล ซึ่งเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์อย่างเป็นลำดับขั้น
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมาดริด ประเทศสเปน เมื่อวันที่ 3 พ.ค.ว่านายกรัฐมนตรีเปโดร ซานเชซ แถลงเมื่อวันเสาร์ ว่านับตั้งแต่วันจันทร์ที่ 3 พ.ค.นี้เป็นต้นไป ประชาชนทุกคนต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า เมื่อใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะทุกประเภท โดยรัฐบาลได้เตรียมหน้ากากไว้ 14.5 ล้านชิ้นเพื่อแจกจ่ายให้กับประชาชน ตามสถานีรถไฟและป้ายรถประจำทาง
ขณะเดียวกัน รัฐบาลกลางในกรุงมาดริดเตรียมงบประมาณฉุกเฉินอีก 16 ล้านยูโร ( ราว 573.36 ล้านบาท ) เพื่อกระจายให้กับรัฐบาลท้องถิ่น ใช้สำหรับฟื้นฟูเศรษฐกิจจากวิกฤติการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ในสเปนมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 25,000 คน จากจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมมากกว่า 245,000 คน
นอกจากนี้ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมายังเป็นครั้งแรกในรอบ 48 วัน ที่รัฐบาลสเปนอนุญาตให้ประชาชนสามารถออกมาพักผ่อนหย่อนใจด้วยการออกกำลังกายนอกบ้านได้ นับตั้งแต่มีการบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศเพื่อควบคุมโรค ตั้งแต่วันที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมา ทั้งนี้ รัฐบาลใช้วิธีหมุนเวียนการออกนอกบ้านตามกลุ่มอายุ หลังเมื่อสัปดาห์ที่แล้วอนุญาตให้เด็กอายุต่ำกว่า 14 ปีสามารถออกนอกบ้านได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้การดูแลอย่างเคร่งครัดของผู้ปกครอง
ด้านร้านอาหาร ผับและบาร์ยังต้องปิดต่อ “อีกอย่างน้อย 1 สัปดาห์” แต่ยังคงจำหน่านอาหารและเครื่องดื่มแบบนำกลุ่มเท่านั้นได้ต่อไป ส่วนสถานประกอบการที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตซึ่งได้รับอนุญาตให้เปิดก่อน อาทิ ร้านทำผม เปิดให้บริการได้ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 4 พ.ค.นี้ แต่ต้องเป็นการนัดหมายเท่านั้น
อนึ่ง กระทรวงการคลังของสเปนคาดการณ์ว่า วิกฤติการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จะส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศหดตัวมากถึง 9.2% ในปีนี้.
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES, AP
CR: เดลินิวส์
