สหรัฐอนุมัติการใช้ ‘เรมเดซิเวียร์’ รักษาคนไข้โควิด-19

เสาร์ที่ 2 พฤษภาคม 2563 เวลา 09.36 น. เดลินิวส์

หน่วยงานกำกับการด้านอาหารและยาของสหรัฐอนุมัติการใช้ยา “เรมเดซิเวียร์” ( Remdesivir ) รักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 “ที่มีอาการหนัก” หลังผลงานวิจัยบ่งชี้ประสิทธิภาพของยาดังกล่าว

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 1 พ.ค. ว่าสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐออกแถลงการณ์เมื่อวันศุกร์ อนุมัติการใช้ยาต้านเชื้อไวรัส “เรมเดซิเวียร์” ( Remdesivir ) กับผู้ป่วยจากโรคโควิด-19 “ที่อาการอยู่ในขั้นวิกฤติ” อาทิ การมีปริมาณออกซิเจนในเลือดต่ำ จนต้องได้รับออกซิเจนเพิ่มเป็นกรณีพิเศษ หรือต้องอาศัยเครื่องช่วยหายใจเท่านั้น

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของรัฐบาลวอชิงตันเป็นผลจากการที่นพ.แอนโธนี เฟาซี ผู้อำนวยการสถาบันโรคติดต่อและโรคภูมิแพ้แห่งชาติของสหรัฐ ( เอ็นไอเอช ) ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานเฉพาะกิจฝ่ายบุคลากรการแพทย์ของทำเนียบขาว เพื่อต่อสู้กับวิกฤติโรคระบาดโควิด-19  เปิดเผยว่าเอ็นไอเอชได้ทำการทดลองทางคลินิกเกี่ยวกับประสิทธิภาพของยาเรมเดซิเวียร์ กับกลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้ป่วยโรคโควิด-19 จำนวน 1,063 คน ใน 68 ประเทศ

ขณะเดียวกัน การเสียชีวิตจากการได้รับยาเรมเดซิเวียร์ยังมีแนวโน้มต่ำด้วย โดยอัตราการเสียชีวิตของผู้ได้รับยาเรมเดซิเวียร์อยู่ที่ 8% และ 11.6% ในกลุ่มที่ได้รับยาหลอก แม้ผลการวิจัยยังไม่ได้ผ่านกระบวนการพิชญพิจารณ์ทางการแพทย์ แต่เอ็นไอเอชเตรียมเผยแพร่รายละเอียดทั้งหมดในวารสารการแพทย์และวิทยาศาสตร์ เพื่อการศึกษาเป็นวงกว้างต่อไป 

ทั้งนี้ การทดสอบเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 21 ก.พ. โดยทีมงานแบ่งกลุ่มตัวอย่างออกเป็น 2 กลุ่มย่อย คือ กลุ่มที่ได้รับยา เรมเดซิเวียร์ กับ กลุ่มที่อยู่ภายใต้การรักษาแบบควบคุมด้วยยาหลอก ซึ่งผลปรากฏว่าการใช้ยาเรมเดซิเวียร์ลดระยะเวลาการรักษาได้ประมาณ 31% โดยผู้ป่วยมีอการดีขึ้นภายใน 11 วันหลังได้รับยา เทียบกับการรักษา “ด้วยวิธีปกติ” ที่ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นภายใน 15 วัน

ด้านนายแดเนียล โอเดย์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร ( ซีอีโอ ) ของบริษัทจิเลียด ไซเอนเซส ( Gilead Sciences ) ผู้พัฒนาและผลิตยาเรมเดซิเวียร์ กล่าวว่าบริษัทพร้อมให้ความสนับสนุนแก่ภาครัฐในการแจกจ่ายยาเรมเดซิเวียร์ แต่จะเน้นพื้นที่ในสหรัฐซึ่งถือเป็น “จุดวิกฤติ” ก่อน ด้วยข้อจากัดเรื่องจำนวนยาในคลัง อนึ่ง ก่อนหน้านั้นจิเลียดประกาศบริจาคยาเรมเดซิเวียร์ 1.5 ล้านโดสโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย.

เครดิตภาพ : REUTERS

CR:เดลินิวส์