พฤหัสบดีที่ 30 เมษายน 2563 เวลา 07.24 น. เดลินิวส์

การหดตัวของสถิติทางเศรษฐกิจในสหรัฐเมื่อไตรมาสแรกของปีนี้ เป็นตัวเลขย่ำแย่ที่สุด นับตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นวิกฤติการเงินเมื่อปลายปี 2551
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 29 เม.ย. ว่ากระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐออกแถลงการณ์เมื่อวันพุธ เกี่ยวกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ( จีดีพี ) หดตัว 4.8% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
สถานการณ์ดังกล่าวถือเป็นภาวะเศรษฐกิจหดตัวรายไตรมาสเป็นครั้งแรกของสหรัฐ นับตั้งแต่ปี 2557 และเป็นสถิติการหดตัวของจีดีพีสหรัฐรายไตรมาสมากที่สุด นับตั้งแต่การหดตัวในอัตรา 8.4% เมื่อไตรมาสสุดท้ายของปี 2551 ซึ่งเป็นช่วงวิกฤติที่สุดของภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ในอเมริกา และส่งผลกระทบต่อเนื่องให้เกิดวิกฤติหนี้สาธารณะยุโรป โดยเฉพาะในกลุ่มยูโรโซน ที่ยืดเยื้อจนถึงปัจจุบัน
ทั้งนี้ เมื่อวิเคราะห์ลงในรายละเอียดตามประเภทของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ พบว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคในสหรัฐ ซึ่งโดยปกติมีสัดส่วนมากถึง 70% ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศ ลดลงเหลือเพียง 7.6% ตลอดไตรมาสแรกของปีนี้ ถือเป็นสถิติต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2523 ด้านการลงทุนในภาคธุรกิจหดตัว 2.6% ในช่วงเวลาเดียวกัน และการลงทุนในด้านวัสดุอุปกรณ์ลดลงมากถึง 15.2% ในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้
อย่างไรก็ตาม การใช้จ่ายของภาครัฐเพิ่มขึ้น 0.7% เมื่อไตรมาสแรกที่ผ่านมา แน่นอนว่าเป็นผลจากงบประมาณเยียวยาทางเศรษฐกิจมูลค่ามหาศาล 2.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 71.3 ล้านล้านบาท ) มากที่สุดในประวัติศาสตร์การคลังของสหรัฐ ที่รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับการอนุมัติจากสภาคองเกรส เพื่อใช้ช่วยเหลือทุกภาคส่วนซึ่งได้รับผลกระทบจากวิกฤติการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยมาตรการรวมถึงการที่ชาวอเมริกันได้รับการจ่ายเงินช่วยเหลือโดยตรงครั้งเดียว คนละ 1,200 ดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 38,890.2 บาท ).
เครดิตภาพ : AP, REUTERS
CR: เดลินิวส์
