อังคารที่ 28 เมษายน 2563 เวลา 16.30 น

รัฐบาลสิงคโปร์รายงานผู้ป่วยสะสมจากโรคโควิด-19 เพิ่มเป็นเกือบ 15,000 คนแล้ว และยอมรับว่าบุคลากรการแพทย์ไม่สามารถตรวจคัดกรองแรงงานต่างชาติซึ่งมีมากกว่า 300,000 คน ได้ทั้งหมด
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากประเทศสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 28 เม.ย.ว่ากระทรวงสาธารณสุขของสิงคโปร์ออกแถลงการณ์เมื่อวันอังคาร เกี่ยวกับสถานการณ์รายวันของโรคโควิด-19 ในประเทศ ว่ามีการยืนยันผู้ป่วยใหม่อีก 528 คน เพิ่มจำนวนผู้ป่วยสะสมเป็นอย่างน้อย 14,951 คน รักษาหายแล้ว 1,095 คน และเสียชีวิตเพิ่มเป็นอย่างน้อย 14 คน
สำหรับผู้เสียชีวิต 2 คนล่าสุดเป็นชายชาวสิงคโปร์ทั้งคู่ คือ “ผู้ป่วยคนที่ 1,595” อายุ 82 ปี เข้ารับการรักษาเมื่อวันที่ 8 เม.ย. และ “ผู้ป่วยคนที่ 9,682” อายุ 81 ปี เข้ารับการรักษาเมื่อวันที่ 20 เม.ย. ทั้งสองคนเสียชีวิตในวันเดียวกันคือเมื่อวันที่ 27 เม.ย.ที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน รายงานของกระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ระบุถึงการที่สัดส่วนผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นแรงงานต่างชาติ ซึ่งอาศัยรวมกันอยู่ในชุมชนหอพักขนาดใหญ่ และจากจำนวนแรงงานต่างชาติในประเทศที่มีมากกว่า 300,000 คน และส่วนใหญ่เป็นพลเมืองจากกลุ่มประเทศในเอเชียใต้ ซึ่งการที่จำนวนผู้เข้าข่ายเป็นกลุ่มเสี่ยงมีเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ต้อง “จัดลำดับความสำคัญ” ที่หมายความว่าการตรวจโรคไม่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนที่อยู่ในหอพัก
อย่างไรก็ตาม หากแรงงานคนใดมีอาการป่วย ซึ่งบ่งชี้ความผิดปกติที่ระบบทางเดินหายใจ โดยเฉพาะอาการบ่งชี้ของโรคติดเชื้อเฉียบพลันในระบบทางเดินหายใจ บุคลากรการแพทย์ที่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่แล้วจะแยกตัวผู้ต้องสงสัยป่วยออกมาทันที เพื่อการกักตัวออกจากบุคคลอื่น และรักษาด้วยวิธีการที่เหมาะสม
ทั้งนี้ ยังไม่มีการยืนยันชัดเจนจากฝ่ายใด ว่าแรงงานต่างชาติซึ่งมีอาการป่วยเข้าข่าย และถูกแยกออกมากักตัวเดี่ยว จะได้รับการเข้ารับการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่หรือไม่ แต่รายงานของกระทรวงสาธารณสุขของสิงคโปร์ระบุด้วยว่า คนงานต่างชาติที่ผลตรวจยืนยันว่าเป็นบวกจากโรคโควิด-19 เท่านั้น จึงจะได้รับการนับรวมสถิติ ซึ่งนพ.เดล ฟิชเชอร์ ประธานคณะกรรมาธิการควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติของสิงคโปร์ ยอมรับว่า “ความจำเป็น” ที่ต้องหยุดการตรวจผู้มีอาการป่วยบางส่วน เท่ากับว่าการรวบรวมสถิติจะล่าช้าและคลาดเคลื่อนกว่าที่ควรจะเป็น.
เครดิตภาพ : REUTERS
CR: เดลินิวส์
