จันทร์ที่ 27 เมษายน 2563 เวลา 06.34 น. เดลินิวส์

โรงงานผลิตหน้ากากอนามัยไทยลุ้นแย่งซื้อแผ่นกั้นเชื้อโรคหรือเมลท์โบลนกับโรงงานผลิตทั่วโลกหลังนายทุนสหรัฐ-ยุโรปไล่ซื้อจ่ายไม่อั้น
นายประโยชน์ เพ็ญสุต รองอธิบดีกรมการค้าภายใน (คน.) เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากผู้ผลิตหน้ากากอนามัยว่าปัจจุบันมีนายทุนจากสหรัฐและในยุโรปเริ่มเข้าไปเทคโอเวอร์โรงงานผลิตหน้ากากอนามัยในเอเชียแล้วหลายแห่ง เช่น ไต้หวันเพื่อผลิตและป้อนหน้ากากอนามัยไปยังประเทศตนเอง หลังจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่รุนแรงทำให้ความต้องการหน้ากากอนามัยมีเพิ่ม ซึ่งผลของความต้องการหน้ากากอนามัยทั่วโลกที่เพิ่มขึ้น ก็ได้ส่งผลกระทบต่อโรงงานผลิตหน้ากากฯในไทยเช่นกัน เพราะวัตถุดิบที่สำคัญอย่างแผ่นกั้นเชื้อโรค หรือเมลท์โบลนค่อนข้างหายากและมีราคาสูงมากจากเดิมเฉลี่ย 80-100 บาทต่อกก. เป็น 1,700-2,000 บาท ต่อกก. และในอนาคตอาจเป็น 3,000 บาทต่อกก. ดังนั้นคงต้องดูว่าในช่วงเดือนพ.ค. นี้ว่าผู้ประกอบการจะสามารถซื้อวัตถุดิบทั้งจากจีน เกาหลีใต้ อินเดีย อินโดนีเซีย และตุรกี ได้มากแค่ไหน
ทั้งนี้ที่ผ่านมาในสหรัฐและยุโรปไม่นิยมสวมใส่หน้ากากอนามัยในช่วงที่ไวรัสโควิด-19ระบาดใหม่ๆ แต่เมื่อมีประชาชนติดเชื้อไวรัสและเสียชีวิตกันมากขึ้นทำให้ประเทศสหรัฐและยุโรปต่างรณรงค์การใช้หน้ากากอนามัยอย่างเข้มงวดมาก
“ตอนนี้ได้รับรายงานจากโรงงานผลิตหน้ากากอนามัยว่า ต้นทุนการผลิตแค่เฉพาะแผ่นกั้นเชื้อโรคหรือเมลท์โบลน์ซึ่งอยู่ในชั้นที่ 2 มีต้นทุนผลิตที่ 2-2.50 บาทไปแล้ว จึงไม่แปลกที่ราคาหน้ากากอนามัยที่รัฐบาลต้องซื้อจากโรงงานเมื่อรวมภาษีมูลค่าเพิ่มด้วยจะอยู่ที่ 4.28 บาทต่อชิ้น และอนาคตไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร เพราะตอนนี้มีเงินอย่างเดียวก็ซื้อเมล์โบล์นไม่ได้เพราะความต้องการสูงกว่าทองซะอีก โดยปัจจุบันโรงงานในไทยก็จะมีวัตถุดิบเฉลี่ยที่ประมาณเดือนพ.ค. นี้ดังนั้นคงต้องดูว่าเดือนพ.ค.นี้ผู้ประกอบการไทยจะแข่งกับกลุ่มทุนสหรัฐและยุโรปได้มากแค่ไหนที่จะหาซื้อวัตถุดิบ”
CR:เดลินิวส์
