ธนาคารกลางยุโรป ไฟเขียว Junk Bond ค้ำประกัน ‘เงินกู้’

วันที่ 25 เมษายน 2563 – 19:15 น. ประชาชาติธุรกิจ

FILE PHOTO: REUTERS/Benoit Tessier/Illustration/File Photo

การระบาดของไวรัสโควิด-19 สร้างแรงกดดันอย่างหนักต่อเศรษฐกิจของยุโรป ส่งผลให้ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จำเป็นต้องขยายวงเงินมาตรการคิวอีเป็น 1.1 ล้านล้านยูโร เพื่อพยุงระบบเศรษฐกิจ รวมถึงเสริมสภาพคล่องให้กับภาคการเงินผ่านการปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำอีกด้วย

แต่ตามเกณฑ์ของอีซีบี การขอกู้เงินจะต้องวางหลักประกันเป็นพันธบัตรรัฐบาลและตราสารหนี้เอกชน (หุ้นกู้) ซึ่งต้องมีระดับเครดิตสูงกว่า junk bond หรือ “ตราสารหนี้ขยะ” แต่จากสถานการณ์ปัจจุบันทำให้หุ้นกู้เอกชน จำนวนมากถูกลดอันดับเครดิตลงสู่ระดับต่ำกว่า junk bond ทำให้ไม่สามารถนำไปค้ำประกันเพื่อเสริมสภาพคล่องได้

ดังนั้น อีซีบีจึงจำเป็นต้องปรับลดเกณฑ์ เอเอฟพีรายงานว่า แถลงการณ์ของอีซีบีหลังการประชุมนอกรอบ เมื่อ 22 เม.ย. 2020 ระบุว่า อีซีบีอนุญาตให้สามารถนำตราสารหนี้ที่ถูกปรับลดอันดับเครดิตลงสู่ระดับ junk bond ในช่วงการระบาดของโควิด-19 มาเป็นหลักประกันเงินกู้จากธนาคารกลางได้

มาตรการล่าสุดของอีซีบีถือเป็นความพยายามเพื่อรักษาสภาพคล่องของระบบการเงินยุโรป จากความวุ่นวายที่อาจเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ ที่จะมีการปรับลดอันดับเครดิตของอิตาลี โดยบริษัทจัดอันดับเครดิตอย่าง “เอส แอนด์ พี” จะทำการประเมินในวันที่ 24 เม.ย. และ “มูดีส์” จะประเมินในช่วงเดือน พ.ค.

บลูมเบิร์กรายงานว่า ตลาดตราสารหนี้ของยุโรปเผชิญกับแรงเทขายอย่างหนัก นับตั้งแต่ช่วงต้นเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา จากความกังวลการประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือ “อิตาลี” ซึ่งจะลามไปสู่การปรับลดเครดิตของตราสารหนี้ทั้งระบบเศรษฐกิจยุโรป โดยเฉพาะกลุ่มประเทศที่เศรษฐกิจอ่อนแอ ขณะที่ต้องเผชิญกับการระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างหนัก เช่น อิตาลีและสเปน รวมทั้งจะสร้างแรงกดดันเพิ่มขึ้นต่อตลาดตราสารหนี้ของยุโรป ซึ่งหุ้นกู้จำนวนมากเสี่ยงถูกปรับลดเครดิตอยู่แล้ว

ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลของกลุ่มประเทศเหล่านี้พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ที่มีเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งกว่า และพบว่า ส่วนต่างผลตอบแทน (spread) พันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีของอิตาลี และเยอรมนีพุ่งขึ้นสู่ระดับ 2.6% จากเมื่อปลายเดือน มี.ค. อยู่ที่เพียง 1.6%

ไฟแนนเชียล ไทมส์ รายงานผลการวิจัยของธนาคารยูบีเอส ระบุว่า นับตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นมา บริษัทกลุ่มประเทศยูโรโซนมีการออกตราสารหนี้ผลตอบแทนสูงจำนวนมาก โดยพบว่าตราสารหนี้ระดับเครดิต BBB- ซึ่งเป็นระดับความน่าเชื่อถือสูงกว่า junk bond เพียง 1 ชั้น มีมูลค่าเพิ่มขึ้นจาก 3.3 แสนล้านยูโร มาอยู่ที่ 1.14 ล้านล้านยูโร ซึ่งสุ่มเสี่ยงที่ตราสารเหล่านี้จะถูกลดเกรดลง ขณะที่ข้อมูลจากองค์การเพื่อความร่วมมือและพัฒนาทางเศรษฐกิจ (โออีซีดี) พบว่า หุ้นกู้ของบริษัทในยุโรปที่ไม่ใช่ธุรกิจการเงิน มูลค่ากว่า 275,000 ล้านยูโร มีโอกาสจะถูกปรับลดเครดิตเป็น junk bond

ทั้งการที่อีซีบีเปิดโอกาสให้สถาบันการเงินสามารถนำ junk bond มาเป็นหลักประกันขอเงินกู้จากธนาคารกลางได้ เพื่อช่วยรักษาสภาพคล่องในระบบ เพราะเกรงว่าหากตราสารหนี้ที่ถูกปรับลดเครดิตลงจนไม่สามารถนำไปเป็นหลักประกันได้จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ ดังนั้น จึงต้องช่วยบรรเทาความวุ่นวายที่อาจเกิดขึ้นในตลาดบอนด์ของยุโรป “อัลแบรโต กาโล” ผู้จัดการพอร์ตการลงทุนของอัลจีบริส อินเวสต์เมนต์ ระบุว่า “มาตรการล่าสุดของอีซีบีจะช่วยลดภาวะสภาพคล่องตึงตัวของภาคธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ธุรกิจขนาดกลางและเล็ก (เอสเอ็มอี) ที่มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของทวีปยุโรป”

อย่างไรก็ตาม มาตรการล่าสุดของ ธนาคารกลางยุโรป อาจไม่เพียงพอที่จะรักษาสภาพคล่องในระบบหากเกิดการปรับลดเครดิตของหุ้นกู้จำนวนมาก บทวิเคราะห์จากสื่อต่างประเทศจำนวนมากรายงานตรงกันว่า ในการประชุมของคณะกรรมการการเงินอีซีบีที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 30 เม.ย.นี้ ธนาคารกลางยุโรปอาจจะประกาศขยายขนาดมาตรการคิวอี เช่นเดียวกับธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อนำไปสู่การซื้อ junk bond ก็เป็นได้

CR: ประชาชาติธุรกิจ