เสาร์ที่ 25 เมษายน 2563 เวลา 07.00 น. เดลินิวส์

เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่คร่าชีวิตประชาชนในสหรัฐแล้วมากกว่า 51,000 คน ขณะที่จอร์เจียเป็นรัฐแรกในประเทศที่ผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 24 เม.ย.ว่าศูนย์ข้อมูลโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาแห่งมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ ในรัฐแมริแลนด์ รายงานสถานการณ์โรคโควิด-19 ในสหรัฐ ว่าผู้เสียชีวิตสะสมเพิ่มเป็นอย่างน้อย 51,017 คน จากจำนวนผู้ป่วยสะสมมากกว่า 890,000 คน ถือเป็นสถิติสะสมมากที่สุดในโลก ในส่วนของทั้งผู้เสียชีวิตและผู้ป่วย
PBS NewsHour
ขณะที่ทางการรัฐจอร์เจียเป็นพื้นที่แรกในสหรัฐ ที่ผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์แล้ว “เปิดเศรษฐกิจ” อย่างเป็นทางการ หลังบังคับใช้มาตกรารนานประมาณ 1 เดือน แต่คำสั่งของนายไบนอัน เคมป์ ผู้ว่าการรัฐจอร์เจีย ยังมีเงื่อนไขว่าประชาชนต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า เมื่ออยู่ในสถานที่สาธารณะ การรักษาระยะห่างทางสังคม และการที่สถานประกอบการทุกแห่งต้องตั้งจุดตรวจอุณหภูมิร่างกายในเบื้องต้น
อย่างไรก็ตาม การผ่อนผันดังกล่าวเกิดขึ้นพร้อมกับเสียงวิจารณ์จากหลายฝ่ายว่า “เร็วเกินไป” หรือไม่ โดยร้านทำผม ร้านรับสักร่างกาย และโรงยิมเป็นกลุ่มแรกที่ได้รับอนุญาตให้กลับมาเปิด แต่บรรยากาศทั่วไปในเมืองแอตแลนตาซึ่งเป็นเมืองเอกของรัฐจอร์เจียยังคงเงียบสงบ ร้านค้าที่อยู่ในกลุ่มได้รับอนุญาตส่วนใหญ่ยังไม่ได้เปิดให้บริการ บางแห่งมีการติดป้ายไว้หน้าร้านด้วยว่า “เชื่อในหลักวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่เคมป์” และ “อยู่บ้าน-ปลอดโรค”
แม้สถานการณ์ของโรคโควิด-19 ในรัฐจอร์เจีย “ไม่วิกฤติ” เท่ารัฐนิวยอร์กซึ่งเป็นพื้นที่วิกฤติที่สุด แต่ถือว่า “ยังรุนแรง” โดยมีผู้ป่วยสะสมอย่างน้อย 22,491 คน และเสียชีวิตอย่างน้อย 899 คน.
เครดิตภาพ : REUTERS
CR:เดลินิวส์
