พฤหัสบดีที่ 23 เมษายน 2563 เวลา 09.20 น. เดลินิวส์

หน่วยงานสาธารณสุขในรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐเผยการพบผู้ป่วยอย่างน้อย 2 คนเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 เมื่อช่วงต้นเดือนกพ.. ก่อนที่รัฐบาลวอชิงตันประกาศผู้เสียชีวิตคนแรกอย่างเป็นทางการเมื่อสิ้นเดือนเดียวกัน
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครลอสแอนเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 22 เม.ย. ว่าพญ.ซารา โคดี ผู้อำนวยการสำนักงานสาธารณสุขเขตซานตา คลารา แถลงเมื่อวันพุธ ว่าผลการตรวจสอบย้อนหลังอย่างละเอียด เกี่ยวกับการเสียชีวิตของหญิงอายุ 57 ปี ซึ่งเสียชีวิตภายในบ้านของตัวเอง เมื่อวันที่ 6 ก.พ. และชายวัย 69 ปี เสียชีวิตที่บ้านพักของตัวเองเช่นกัน เมื่อวันที่ 17 ก.พ. ที่ผ่านมา โดยทั้งคู่ไม่มีประวัติเดินทางไปต่างประเทศในรอบ 14 วันล่าสุดก่อนเสียชีวิต ปรากฏว่าเป็นผลจากโรคโควิด-19 ที่มาจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
อย่างไรก็ตาม เดิมทีแพทย์วินิจฉัยผู้เสียชีวิตทั้งสองคนล้มป่วยและเสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่ ซึ่งพญ.โคดีกล่าวว่า “ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย” เนื่องจากช่วงต้นปีเป็นฤดูกาลระบาดประจำปีของไข้หวัดใหญ่ในสหรัฐ และมีความเป็นไปได้เช่นกันว่า การเสียชีวิตของผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่อีกหลายคนก่อนหน้านี้ อาจเป็นเพราะเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
ต่อมานายกาวิน นิวซอม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย สั่งให้ทั้ง 58 เขตในพื้นที่ตรวจสอบการเสียชีวิตของประชาชนในท้องถิ่นย้อนหลังถึงเดือนธ.ค. ปีที่แล้ว ว่าการเสียชีวิตกรณีใดที่แท้จริงแล้วอาจเป็นเพราะโรคโควิด-19 แล้วแจ้งให้เขาทราบโดยเร็วที่สุด
ทั้งนี้ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ ( ซีดีซี ) รายงานการพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่คนแรกในประเทศ เมื่อวันที่ 20 ม.ค. ที่ผ่านมา เป็นพลเมืองซึ่งอาศัยอยู่ที่เมืองซีแอตเทิล ในรัฐวอชิงตัน เพิ่งเดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่นของจีน และยืนยันผู้เสียชีวิตคนแรกเมื่อวันที่ 28 ก.พ. เป็นชายสูงอายุซึ่งอาศัยอยู่ที่สถานดูแลแห่งหนึ่ง ใกล้กับเมืองซีแอตเทิล ส่วนทางการเขตซานตา คลารา รายงานการพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 คนแรก เมื่อวันที่ 28 ก.พ. ที่ผ่านมา.
เครดิตภาพ : AP
CR:เดลินิวส์
