อังคารที่ 21 เมษายน 2563 เวลา 07.19 น. เดลินิวส์

แรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากวิกฤติโรคระบาดโควิด-19 ส่งผลให้ราคาสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบของสหรัฐขับเคลื่อนในแดนลบเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 20 เม.ย.ว่าสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเทอร์มีเดียต ( ดับเบิลยูทีไอ ) ซึ่งเป็นเกณฑ์มาตรฐานโลก งวดส่งมอบเดือนพ.ค. ยังคงทรุดตัวอย่างต่อเนื่องจนราคาอยู่ในแดนลบที่ -37.63 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ( -1,222.81 บาท ) ในช่วงหนึ่งของการซื้อขายเมื่อวันจันทร์ หรือ 1 วันก่อนสัญญาจะหมดอายุในวันอังคารที่ 21 เม.ย. ตามเวลาท้องถิ่น
ราคาดังกล่าวลดลงประมาณ 305% จากราคาปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา และถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การซื้อขายน้ำมันดิบในตลาดโลก ที่ราคาน้ำมันอยู่ในแดนลบ โดยความหมายสังเขปของ “ราคาติดลบ” ในวงการน้ำมัน คือการที่ผู้ผลิตน้ำมันต้องจ่ายเงินเพื่อให้ลูกค้านำน้ำมันออกไปจากคลัง ด้วยความกังวลว่าปริมาณสินค้าที่มีอยู่มากจนเกินความต้องการ ซึ่งราคาของสัญญาดับเบิลยูทีไอที่มีการซื้อขายล่วงหน้าเมื่อวันจันทร์ หมายความว่าผู้ประกอบการต้องจ่ายเงิน 37.63 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อน้ำมันดิบ 1 บาร์เรลที่ลูกค้าจะนำออกไปจากคลัง
ขณะที่สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเบรนท์งวดส่งมอบเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเกณฑ์มาตรฐานคู่กับสัญญาดับเบิลยูทีไอยังไม่ปิดตลาดในแดนลบ แต่ราคาซื้อขายในช่วงหนึ่งของวันจันทร์ลดลงเกือบ 9% มาอยู่ที่ 25.57 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ( ราว 831.13 บาท )
ทั้งนี้ อุปสงค์น้ำมันดิบโลกลดลงประมาณ 30% ตั้งแต่ต้นเดือนมี.ค. ที่ผ่านมา เนื่องจากวิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ แม้ “โอเปกพลัส” คือองค์การกลุ่มประเทศผู้ส่งน้ำมันออก ( โอเปก ) ซึ่งมีซาอุดีอาระเบียเป็นหัวเรือใหญ่ และรัสเซียในฐานะผู้นำกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่ไม่ใช่สมาชิกโอเปก เห็นชอบลดกำลังการผลิตน้ำมันร่วมกัน 9.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน สำหรับเดือนพ.ค.และมิ.ย.นี้ เพื่อรักษาเสถียรภาพให้กับตลาด ท่ามกลางวิกฤติโรคระบาดโควิด-19 แต่ยังสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนไม่ได้
ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นว่า สหรัฐ “จะอาศัยความได้เปรียบ” จากเรื่องนี้ ด้วยการเตรียมซื้อน้ำมัน 75 ล้านบาร์เรลเข้าสู่คลังสำรองทางยุทธศาสตร์ซึ่งยังสามารถรองรับได้อีก โดยสถิติเมื่อวันที่ 17 เม.ย. ที่ผ่านมา ระบุว่าปริมาณน้ำมันสำรองทางยุทธศาสตร์ของสหรัฐอยู่ที่ 635 ล้านบาร์เรล จากขีดจำกัด 713.5 ล้านบาร์เรล.
เครดิตภาพ : REUTERS
