วันที่ 18 เมษายน 2563 – 14:37 น. ประชาชาติธุรกิจ

สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า ราคาน้ำมันดิบของสหรัฐอเมริกาลดลงสู่ระดับราคาปิดที่ 18.27 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ในวันที่ 17 เมษายนตามเวลาท้องถิ่น โดยระหว่างวันแตะจุดต่ำสุดที่ 17.33 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ซึ่งลดลงราว 18% จากราคาก่อนหน้านี้ ถือเป็นระดับต่ำที่สุดในรอบ 18 ปีนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2011
แม้ว่าก่อนหน้านี้ รัฐบาลสหรัฐจะประสบความสำเร็จในการกดดันให้รัสเซียและซาอุดีอาระเบีย ผู้นำกลุ่มโอเปกลดกำลังการผลิตน้ำมันเพื่อพยุงราคาน้ำมัน แต่ราคาน้ำมันที่ร่วงลงอย่างหนักครั้งนี้ยังสะท้อนให้เห็นว่าการลดกำลังการผลิตดังกล่าวยังเพียงพอต่อการรับมือกับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
เมื่อวันที่ 3 เมษายนที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบพุ่งสู่ระดับ 28.34 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์เปิดเผยว่า รัสเซียและซาอุดีอาระเบียบรรลุการเจรจายุติการทำสงครามราคาน้ำมัน และเตรียมดำเนินการลดกำลังการผลิต แต่ราคาน้ำมันกลับร่วงลงอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยลดลงถึง 36% จากราคาเมื่อสองสัปดาห์ก่อน และลดลงถึง 71% จากราคาน้ำมันดิบสหรัฐที่ 63.27 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรลในช่วงต้นเดือนมกราคม 2020
อย่างไรก็ตาม แม้ราคาน้ำมันดิบของสหรัฐจะร่วงลง แต่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ซึ่งเป็นเกณฑ์มาตรฐานทั่วโลก ยังคงปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย สาเหตุหนึ่งมาจากการที่ผู้ผลิตน้ำมันยังคงส่งออกน้ำมันไปยังสหรัฐจำนวนมากจนล้นตลาด โดยการส่งออกเฉลี่ยช่วงเจ็ดวันของกลุ่มประเทศโอเปกและรัสเซียในเดือนเมษายนเพิ่มขึ้น 3.5 ล้านบาร์เรล/วัน เมื่อเทียบกับตัวเลขการส่งออกเฉลี่ยในเดือนมีนาคม ตามข้อมูลของ ClipperData
ในขณะเดียวกัน ความต้องการบริโภคผลิตภัณฑ์น้ำมันทุกรูปแบบลดลงอย่างมากในขณะนี้ เนื่องจากมาตรการควบคุมโรคระบาดทำให้การคมนาคมขนส่งและภาคอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นภาคส่วนหลักในการบริโภคน้ำมันต้องหยุดดำเนินการ
ราคาน้ำมันดิบที่ลดลงต่ำกว่า 20 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรลถือเป็นฝันร้ายของบริษัทผู้ผลิตน้ำมันสหรัฐที่มีต้นทุนในการผลิตสูง โดยหลายบริษัทยังมีหนี้สินจำนวนมากจากอุตสาหกรรมขุดเจาะน้ำมันดิบ ซึ่งขณะนี้หลายแหล่งขุดเจาะในสหรัฐได้รับคำสั่งให้ยุติการดำเนินการชั่วคราวเพื่อรองรับความผันผวนของราคาน้ำมันในประเทศ
Rystad Energy คาดว่า หากราคาน้ำมันดิบของสหรัฐยังคงไม่พ้นระดับ 20 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล จากมีบริษัทผู้ผลิตน้ำมันของสหรัฐล้มละลายถึง 140 รายในปีนี้ และหากยืดเยื้อต่อไปจะมีบริษัทที่ล้มละลายมากถึง 400 รายในปี 2021 ซึ่งจะทำให้อัตราการว่างงานของสหรัฐเพิ่มสูงขึ้นอีกมหาศาลจากปัจจุบันที่มีผู้ว่างงานในสหรัฐถึง 22 ล้านราย
CR: ประชาชาติธุรกิจ
