เสาร์ที่ 11 เมษายน 2563 เวลา 08.11 น. เดลินิวส์

สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกพบผู้ติดเชื้อไวรัสอีโบลาคนใหม่ เพียงไม่กี่วันก่อนถึงกำหนดประกาศสิ้นสุดภาวะโรคระบาดครั้งนี้ ซึ่งยืดเยื้อมานานเกือบ 2 ปี และมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 2,200 คน
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองเบนี สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ( ดีอาร์คองโก ) เมื่อวันที่ 11 เม.ย.ว่ากระทรวงสาธารณสุขของดีอาร์คองโกรายงานการพบผู้ป่วยจากเชื้อไวรัสอีโบลา เมื่อวันศุกร์ ซึ่งเป็นการพบผู้ติดเชื้อคนแรกนับตั้งแต่วันที่ 27 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยผู้ป่วยเป็นชายชาวดีอาร์คองโก อายุ 26 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ที่เมืองเบนี “ดับความหวัง” ของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องโดยปริยาย ในการประกาศให้ดีอาร์คองโกเป็นประเทศปลอดจากเชื้อไวรัสอีโบลา
ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลก ( ดับเบิลยูเอชโอ ) ประกาศให้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลาในดีอาร์คองโก “เป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ” เมื่อเดือนก.ค. ปีที่แล้ว และการที่สถานการณ์การแพร่ระบาดในรอบนี้ “จะยุติอย่างเป็นทางการ” สามารถเกิดขึ้นได้เมื่อไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก ภายในระยะเวลา 42 วันหรือ 2 เท่าของระยะเวลาที่เชื้อโรคฟักตัว นับตั้งแต่วันรายงานสถิติผู้ป่วยครั้งล่าสุด
อนึ่ง ผู้ป่วยคนล่าสุดในดีอาร์คองโกซึ่งได้รับการรักษาจนหายดีและออกจากโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 3 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งตามมาตรฐานของดับเบิลยูเอชโอกำหนดว่า หากจนถึงวันที่ 12 เม.ย. นี้ไม่มีการรายงานว่าพบผู้ป่วยคนใหม่ไม่ว่าจะในดีอาร์คองโกหรือประเทศใดก็ตาม ดับเบิลยูเอชโอจะประกาศให้ภาวะฉุกเฉินจากเชื้อไวรัสอีโบลาครั้งที่ ที่ยืดเยื้อตั้งแต่เดือนส.ค.ปีที่แล้ว และมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2,268 คน จากจำนวนผู้ป่วยสะสม 3,805 คน “สิ้นสุดอย่างเป็นทางการ”
ด้านนพ.เทดรอส แอดนาฮอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการดับเบิลยูเอชโอ กล่าวแสดงความผิดหวังที่ทิศทางการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาในรอบนี้ “ไม่เป็นไปตามความคาดหวัง” และยอมรับว่ามีความกังวลที่จะมีการพบ “ผู้ป่วยคนต่อไป” ทั้งนี้ การติดเชื้อไวรัสอีโบลาเกิดขึ้นได้หากสัมผัสโดยตรงกับสารคัดหลั่ง และของเหลวที่ร่างกายของผู้ป่วยขับออก ไม่ว่าจะเป็นเหงื่อหรือปัสสาวะ
สำหรับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลาในดีอาร์คองโกครั้งนี้เป็นครั้งที่ 10 แล้ว นับตั้งแต่มีการค้นพบเชื้อโรคดังกล่าวบนโลกเมื่อปี 2519 ส่วนการแพร่ระบาดครั้งรุนแรงก่อนหน้านั้นเกิดขึ้นในภาคตะวันตกของทวีปแอฟริกา ระหว่างปี 2556 ถึง 2559 มีผู้เสียชีวิตรวมกันประมาณ 11,000 คน
นอกจากนี้ อัตราการเสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสอีโบลา “ยังสูงมากในทางทฤษฎี” คือ “90%” อีกทั้งยังไม่มีวิธีการรักษาที่เป็นมาตรฐาน เช่นเดียวกับยังไม่มีวัคซีนที่สามารถป้องกันโรคอย่างเป็นทางการ.
เครดิตภาพ : REUTERS
CR:เดลินิวส์
