‘ฮุน เซน’ เตรียมใช้อำนาจฉุกเฉิน สู้โควิด-19

Apr 10, 2020( Last update Apr 10, 2020 16:42 )VoiceTV

สภาผู้แทนราษฎรกัมพูชารับรองกฎหมายเพื่อเตรียมประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินรับมือการระบาดของโควิด-19 ในขณะที่กลุ่มสิทธิมนุษยชนกังวลว่าการให้อำนาจเด็ดขาดกับนายกรัฐมนตรีฮุน เซน อาจสุ่มเสี่ยงต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชน

พรรคการเมืองของนายกรัฐมนตรีฮุน เซน ครองเสียงทั้ง 125 ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎร โดยสมาชิกที่เข้าประชุมทั้งหมดลงมติเป็นเอกฉันท์ผ่านร่างกฎหมายการปกครองประเทศในสถานการณ์ฉุกเฉิน (Law on Governing the Country in a State of Emergency) ซึ่ง ‘ฮุน เซน’ ระบุว่าร่างกฎหมายนี้อยู่บนพื้นฐานรัฐธรรมนูญมาตรา 22 ที่ระบุว่าเมื่อประเทศเผชิญอันตราย พระมหากษัตริย์สามารถประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินบนคำแนะนำของนายกรัฐมนตรี สภาผู้แทนราษฎรและประธานวุฒิสภา ซึ่งสถานการณ์ฉุกเฉินจะสามารถบังคับใช้ได้เมื่อประเทศเผชิญอันตรายจากสงคราม การรุกรานของต่างชาติ โรคติดต่อ ความวุ่นวายที่กระทบต่อความมั่นคงแห่งชาติและความสงบเรียบร้อยของประชาชน

ขณะที่โฆษกกระทรวงยุติธรรมกัมพูชาระบุว่า จุดมุ่งหมายของการใช้กฎหมายนี้ในกัมพูชาไม่ได้ต่างจากประเทศประชาธิปไตยอื่นๆ ที่ได้ประกาศใช้ไปแล้ว โดยเป็นกฎหมายที่มีเพื่อปกป้องความสงบเรียบร้อย ความมั่นคง ผลประโยชน์ สุขภาพ ไปจนถึงทรัพย์สินของประชาชน และสิ่งแวดล้อม

กระทรวงสาธารณสุขกัมพูชารายงานว่า พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้น 1 รายในวันนี้ (10 เม.ย.) ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อยืนยันทั้งหมดอยู่ที่ 119 ราย โดยในช่วงเริ่มต้นของการระบาด นายกรัฐมนตรีฮุน เซน เคยปฏิเสธถึงอันตรายของเชื้อไวรัสชนิดนี้ แต่จำนวนผู้ติดเชื้อในกัมพูชาก็เพิ่มขึ้น ไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมารัฐบาลได้สั่งปิดร้านอาหาร บาร์และกาสิโน และจำกัดวีซ่าสำหรับชาวต่างชาติ ซึ่งฮุน เซน ยังได้ระบุว่าอาจจำเป็นต้องมีอำนาจฉุกเฉินเพื่อช่วยควบคุมการระบาด

อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวรอยเตอร์สระบุว่า กฎหมายนี้จะให้อำนาจรัฐบาลภายใต้ภาวะฉุกเฉินสามารถสังเกตการณ์การสื่อสาร ควบคุมสื่อและโซเชียลมีเดีย ห้ามหรือจำกัดการเผยแพร่ข้อมูลที่สร้างความหวาดกลัวหรือความไม่สงบให้กับสาธารณะ หรือข้อมูลที่อาจทำลายความมั่นคงแห่งชาติ

ขณะที่กลุ่มสิทธิมนุษยชนระบุว่า การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินจะให้อำนาจอย่างท่วมท้นแก่นายกรัฐมนตรีฮุน เซน ซึ่งถูกชาติตะวันตกประณามมาอย่างยาวนานต่อการปราบปรามฝ่ายตรงข้าม กลุ่มสิทธิมนุษยชนและสื่อ ทั้งยังชี้ว่ากฎหมายนี้มีเงื่อนไขที่กว้างขวางและกำกวมที่อาจละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานและอาจเป็นการจำกัดเสียงวิจารณ์ โดยระบุโทษจำคุกสูงสุดถึง 10 ปี สำหรับผู้ที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานขัดขวางทางการหรือไม่เคารพมาตรการของรัฐบาลซึ่งนำไปสู่ความไม่สงบหรือส่งผลกระทบต่อความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งนายแบรด อดัมส์ ผู้อำนวยการฮิวแมนไรท์วอทช์ เอเชีย ได้ระบุว่ากัมพูชาควรผ่านกฎหมายเพื่อปกป้องสาธารณสุข ไม่ใช่เพื่อใช้ไวรัสโคโรนาเป็นข้ออ้างในการขยายอำนาจรัฐบาล

ทั้งนี้ ร่างกฎหมายดังกล่าวยังต้องผ่านการพิจารณารับรองจากวุฒิสภาและส่งขึ้นไปยังพระมหากษัตริย์ของกัมพูชาลงพระปรมาภิไธยเพื่อประกาศใช้ต่อไป

อ้างอิง Reuters/The Star Online/The Phnompenh Post

CR:VoiceTV