พฤหัสบดีที่ 9 เมษายน 2563 เวลา 08.57 น. เดลินิวส์

องค์การอนามัยโลกเรียกร้องความสมานฉันท์จากทุกฝ่าย และปกป้องความร่วมมือกับจีนท่ามกลางวิกฤติโรคโควิด-19 “ไม่ใช่การเข้าข้าง” หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ไม่พอใจและเตรียมระงับเงินสนับสนุน
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 9 เม.ย.ว่านพ.เทดรอส แอดนาฮอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก ( ดับเบิลยูเอชโอ ) แถลงเมื่อวันพุธ เกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 บนโลก ที่กำลังเข้าสู่วันที่ 100 นับตั้งแต่ดับเบิลยูเอชโอได้รับรายงานอย่างเป็นทางการจากจีนเป็นครั้งแรก เมื่อปลายเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว ว่าสหรัฐและจีนควรเพิ่มความร่วมมือกัน ในการต่อสู้กับเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งตอนนี้ถือเป็นศัตรูตัวฉกาจ
นพ.เทดรอสกล่าวต่อไปว่า ไม่ว่าประเทศใดจะมีจุดยืนทางการเมืองแบบใดขอให้ปล่อยวางก่อน อย่าเชื่อมโยงประเด็นทางการเมืองกับเชื้อไวรัส เพราะเป็นคนละเรื่องเดียวกันอย่างสิ้นเชิง สิ่งที่ทุกภาคส่วนต้องให้ความสำคัญมากที่สุดในเวลานี้ คือการพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อรักษาชีวิตของประชาชน นักการเมืองสามารถใช้เรื่องอะไรก็ได้เพื่อสร้างความนิยมให้กับตัวเอง แต่ต้องไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับสาธารณสุข และเตือนว่ายิ่งมีความพยายามนำประเด็นการเมืองมารวมมากเท่าไหร่ สถานการณ์ของโรคโควิด-19 จะยิ่งเลวร้ายมากขึ้นเท่านั้น
ขณะที่นพ.ฮันส์ คลูเกอ ผู้อำนวยการดับเบิลยูเอชโอประจำทวีปยุโรป กล่าวว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาพูดถึงการตัดงบประมาณหรือระงับเงินสนับสนุน ด้านนพ.บรูซ เอลวาร์ด ที่ปรึกษาอาวุโสของนพ.เทดรอส ซึ่งนำคณะของดับเบิลยูเอชโอลงพื้นที่ในจีนด้วยตัวเองเมื่อเดือนก.พ. ที่ผ่านมา กล่าวว่าท่ามกลางภาวะโรคระบาดครั้งนี้ที่ยังคงรุนแรง การทำงานร่วมกับจีนอย่างใกล้ชิดเป็นเรื่องสำคัญมาก เนื่องจากจีนเป็นประเทศแรกที่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 การศึกษาทิศทางของโรคในจีน และการทำความเข้าใจกับมาตรการต่างๆของรัฐบาลปักกิ่งจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ตาม ดับเบิลยูเอชโอไม่ปฏิเสธเสียงวิจารณ์ในอดีต ที่รวมถึง “การตื่นตระหนกเกินไป” กับสถานการณ์การแพร่ระบาดของ “เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ กลุ่มย่อยเอช1เอ็น1” เมื่อปี 2552 ที่ตอนนี้กลายเป็น “โรคระบาดประจำฤดูกาล” ไปแล้ว และ “ความล่าช้าจนอืดอาด” ในการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลาในภูมิภาคตะวันตกของทวีปแอฟริกา
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ วิจารณ์การทำงานของดับเบิลยูเอชโอต่อวิกฤติโรคโควิด-19 อย่างหนัก ตั้งแต่วันอังคารที่ผ่านมา แม้ผู้นำสหรัฐยังไม่ได้กล่าวอย่างชัดเจน ว่าจะระงับเงินช่วยเหลือจำนวนเท่าใดให้กับดับเบิลยูเอชโอ แต่ข้อมูลประจำปีงบประมาณ 2561 ถึง 2562 ระบุว่ารัฐบาลวอชิงตันมอบเงินเกือบ 900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 29,479.5 ล้านบาท ) คิดเป็น 1 ใน 5 จากงบประมาณรายปีของดับเบิลยูเอชโอ.
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES
CR:เดลินิวส์
