ท้องถิ่นสหรัฐเผยโควิด-19 ทำ “คนผิวสี” เสียชีวิตสูงกว่า ตอกย้ำความเหลื่อมล้ำ “สังคมอเมริกัน”

วันที่ 8 เมษายน 2563 – 16:58 น. ประชาชาติธุรกิจ

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ชาวแอฟริกันอเมริกันมีอัตราการเสียชีวิตจากโรคติดเชื้อโคโรน่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่หรือ “โควิด-19” สูงกว่าชาวผิวขาว ตามข้อมูลเบื้องต้นที่เปิดเผยโดยรัฐลุยเซียนา มิชิแกน และอิลลินอยส์ โดยเจ้าหน้าที่ชี้ว่า สาเหตุสำคัญมาจากความเหลื่อมล้ำทางสังคมในการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพและสาธารณสุข

“จอห์น เอ็ดเวิร์ด” ผู้ว่าการรัฐลุยเซียนาเปิดเผยเมื่อวันที่ 6 เม.ย. ที่ผ่านมาว่า ผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ของลุยเซียนาถึง 70% เป็นชาวอเมริกันผิวสี นับว่าเป็นอัตราส่วนที่สูงมากหากเทียบกับจำนวนประชากรแอฟริกันอเมริกันในลุยเซียนาที่มีอยู่ราว 33% ของจำนวนประชากรทั้งหมด

ขณะที่ทางการรัฐมิชิแกนก็ได้เปิดเผยว่า อัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยชาวแอฟริกันอเมริกันของมิชิแกนคิดเป็นสัดส่วนเป็น 40% ในจำนวนผู้เสียชีวิต 845 รายในวันที่ 7 เม.ย. ที่ผ่านมา เทียบกับจำนวนประชากรผิวสีในรัฐมีเพียง 14% ของประชากรทั้งหมด

แม้ว่าข้อมูลเหล่านี้จะยังไม่ครอบคลุมทั่วประเทศสหรัฐอเมริกา อีกทั้งยังไม่สามารถสรุปสาเหตุที่แท้จริงได้ แต่ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นชี้ว่า สิ่งเหล่านี้เป็นภาพสะท้อนให้เห็นถึงความไม่เสมอภาคในการเข้าถึงบริการด้านสาธารณสุขของชาวแอฟริกันอเมริกัน ซึ่งส่งผลให้คนกลุ่มนี้มีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โรคระบาดอย่างรุนแรงที่สุด

“เจอโรม อดัมส์” ผู้บัญชาการกรมแพทย์ทหารสหรัฐระบุว่า สถิติผู้ป่วยโควิด-19 ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลซึ่งเป็นชาวแอฟริกันอเมริกัน ส่วนใหญ่มีโรคประจำตัวก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะโรคหัวใจ เบาหวาน และความดันสูง สอดคล้องกับข้อมูลของ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ (ซีดีซี) ที่ระบุว่า มีผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการรุนแรงราว 1 ใน 5 ราย ที่ไม่เคยมีปัญหาด้านสุขภาพมาก่อน

“ควานเทซ เพรสลีย์” พระนักเทศน์ผิวสีในเมืองดีทรอยต์ระบุว่า ชาวแอฟริกันอเมริกันยากจนไม่สามารถเข้าถึงอาหารที่สดใหม่ได้ ขณะที่บางครอบครัวต้องแออัดยัดเยียดกันในที่พักอาศัยคับแคบ “ส่งผลให้ผู้คนในชุมชนชายขอบของสังคมเหล่านี้เปราะบางมากที่จะได้รับผลกระทบที่เลวร้ายที่สุดจากโรคระบาด”

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่บางส่วนของซีดีซีและหน่วยงานสาธารณสุขอ้างว่า ตัวเลขดังกล่าวอาจไม่ตรงกับความเป็นจริง เนื่องจากความวุ่นวายในโรงพยาบาลที่เร่งรีบรักษาผู้ป่วย ทำให้บ่อยครั้งเจ้าหน้าที่ละเลยที่จะกรอกข้อมูลด้านประชากรศาสตร์ ส่งผลให้ตัวเลขผู้ป่วยที่แบ่งแยกเชิงสถิติอาจไม่ตรงกับความเป็นจริง

นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มนักสิทธิมนุษยชนและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบางรายที่เรียกร้องให้ซีดีซีและหน่วยงานด้านสาธารณสุขของรัฐ ระงับการเผยแพร่ข้อมูลสถิติผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ที่เชื่อมโยงกับเชื้อชาติสีผิว เพื่อหลีกเลี่ยงการเหมารวมและการเหยียดชาติพันธุ์

“ลอรี ไลต์ฟุต” นายกเทศมนตรีเมืองชิคาโก ในรัฐอิลลินอยส์ เปิดเผยตัวเลขผู้เสียชีวิตชาวแอฟริกันอเมริกันในสัดส่วน 72% ของจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมดในเมืองชิคาโก ที่มีจำนวนราว 1 ใน 3 ของจำนวนประชากรทั้งหมด 2.7 ล้านคน ทั้งนี้ ไลต์ฟุตได้เรียกร้องให้แพทย์และเจ้าหน้าที่พยายามกรอกข้อมูลผู้ป่วยให้ได้มาที่สุด เพื่อให้ผู้บริหารสามารถเข้าใจสถานการณ์การแพร่ระบาดได้ดีขึ้น

ด้าน “เจ บี พริทซ์เกอร์” ระบุว่า “จุดเริ่มต้นอยู่ที่ระบบการดูแลสุขภาพสำหรับชาวผิวสีที่ไม่เท่าเทียมกัน ซึ่งกลายเป็นผลกระทบที่รุนแรงเมื่อมีบางสิ่งอย่างโควิด-19 เกิดขึ้นมา”

CR:ประชาชาติธุรกิจ