พุธที่ 8 เมษายน 2563 เวลา 08.12 น. เดลินิวส์

รัฐบาลเมียมาเตรียมแจกสิ่งของอุปโภคบริโภคพื้นฐานให้ประชาชน และรณรงค์การทำหน้ากากผ้า ในช่วงมาตรการควบคุมด้านสาธารณสุขเพื่อป้องกัน “โควิด-19”
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 8 เม.ย.ว่าคณะกรรมาธิการด้านการป้องกัน ควบคุมและรักษาโรคโควิด-19 ของเมียนมา ออกแถลงการณ์ว่า เจ้าหน้าที่เตรียมจัดส่งอาหารแห้งและสิ่งของจำเป็นให้กับประชาชน นับตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย.นี้เป็นต้นไป ซึ่งใกล้เข้าสู่เทศกาลตะจาน หรือเทศกาลสงกรานต์ ที่รัฐบาลเมียนมายกเลิกการจัดงานในปีนี้แล้ว ขณะที่เมืองใหญ่หลายแห่งรวมถึงเมืองย่างกุ้งและเมืองมัณฑะเลย์สั่งปิดเมืองในช่วงเวลาดังกล่าว
ทั้งนี้ การจัดส่งอาหารและสิ่งของทั้งหมดเป็นความร่วมมือระหว่างหอการค้าและอุตสาหกรรมเมียนมา องค์กรบริการสังคมท้องถิ่น กับผู้นำอาวุโสในชุมชนและอาสาสมัครคนรุ่นใหม่ เพื่อให้มั่นใจว่าการกระจายข้าวของทั้งหมดเป็นไปอย่างทั่วถึง ไม่ล่าช้าและ “ไม่มีการคอร์รัปชั่น”
นอกจากนี้ รัฐบาลเมียนมามีมติยกเว้นการเรียกเก็บค่าไฟฟ้าให้กับทุกครัวเรือในอัตราไม่เกิน 150 หนวยจนถึงสิ้นเดือนนี้ ยกเว้นสถานเอกอัครราชทูต สำนักงานของสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) และองค์กรอิสระระหว่างประเทศ ขณะที่กระทรวงพาณิชย์มีประกาศเพิ่มเติมว่า ผู้ที่กักตุนและโก่งราคาสินค้าอาจต้องรับโทษจำคุกนานสูงสุด 3 ปีพร้อมชำระค่าปรับด้วย ส่วนกองทัพเมียนมามอบเงิน 2,200 ล้านจ๊าด ( ราว 49.75 ล้านบาท ) เข้ากองทุนของรัฐบาลพลเรือน เพื่อใช้ในภารกิจต่อสู้กับโรคโควิด-19
ด้านนางออง ซาน ซูจี มนตรีแห่งรัฐและรมว.กระทรวงการต่างประเทศเมียนมา กล่าวว่ากระทรวงสาธารณสุขกำลังพยายามอย่างสุดความสามารถในการจัดหาหน้ากากอนามัยให้ได้มากที่สุด แล้วส่งมอบให้กับประชาชนทุกครัวเรือนภายในเดือนนี้ อย่างไรก็ตาม เธอยอมรับว่าปริมาณหน้ากากอนามัยที่จัดหามาได้อาจไม่เพียงพอสำหรับประชากร 54 ล้านคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรัฐบาลต้องสำรองให้กับบุคลากรการแพทย์และผู้ป่วยก่อน เธอจึงรณรงค์ให้ชาวเมียนมาร่วมกันทำหน้ากากผ้า ซึ่งเธอจะทำเองด้วย พร้อมทั้งย้ำให้ชาวเมียนมาปฏิบัติตามแนวทางของภาครัฐ เนื่องจากการต่อสู้กับเชื้อโรคร้ายนี้ “ยังอีกยาวไกล”
ปัจจุบันเมียนมายืนยันผู้ป่วยจากโรคโควิด-19 อย่างน้อย 22 คน นับตั้งแต่พบผู้ติดเชื้อ 2 คนแรกเมื่อวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยส่วนใหญ่มีประวัติการเดินทางมาจากต่างประเทศ และเสียชีวิตแล้ว 1 คน.
เครดิตภาพ : AFP
CR:เดลินิวส์
