ดัชนีท่องเที่ยว Q1/63 “โควิด” ทุบเชื่อมั่นต่ำสุดในรอบ 9 ปี

วันที่ 5 เมษายน 2563 – 17:30 น. ประชาชาติธุรกิจ

การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจท่องเที่ยวในทุกเซ็กเตอร์ของประเทศไทยอย่างรุนแรง บริษัทนำเที่ยวทั้งอินบาวนด์-เอาต์บาวนด์ รถบัส-รถตู้นำเที่ยวหยุดการดำเนินธุรกิจมาตั้งแต่ปลายเดือนมกราคม กระทั่งล่าสุดสายการบินประกาศหยุดบินทั้งเส้นทางภายในประเทศ-ระหว่างประเทศ เครื่องบินจอดสนิทกันทุกค่าย รวมถึงโรงแรมทั้งรายเล็กยันขนาดใหญ่ที่เป็นเชนระดับโลกก็ได้ทยอยปิดตัวเองกันทุกภูมิภาคทั่วประเทศ

ล่าสุด สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) ได้เปิดเผยข้อมูลสถานการณ์ท่องเที่ยวไทย และดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการท่องเที่ยวไตรมาส 1/2563 ซึ่งเป็นโครงการที่ร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย จ.สงขลา สำรวจข้อมูลดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการท่องเที่ยวไตรมาส 1 ที่ผ่านมา รวมถึงคาดการณ์ท่องเที่ยวที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต

จากการสำรวจความเห็นผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว 650 ราย ช่วง 20 กุมภาพันธ์-10 มีนาคม 2563 พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการท่องเที่ยวไตรมาส 1/2563 เท่ากับ 57 ต่ำกว่าไตรมาส 4/2562 ที่อยู่ในระดับ 88 และลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ในระดับ 98นับเป็นการลดลงต่ำที่สุดในรอบ 9 ปีที่ผ่านมา

“ชัยรัตน์ ไตรรัตนจรัสพร” ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) ระบุว่า ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ท่องเที่ยวในช่วงไตรมาส 1คือ การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่กระจายไปทั่วโลกอย่างรวดเร็วตั้งแต่เดือนมกราคม และเริ่มรุนแรงยิ่งขึ้นในเดือนมีนาคม ตามด้วยการชะลอตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ, ปัญหาคุณภาพอากาศ (PM 2.5), ปัญหาภัยแล้งในทุกภาคของประเทศ และการประกาศใช้ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ที่ล่าช้า

โดยผู้ประกอบการส่วนใหญ่คาดการณ์ด้วยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะยังคงรุนแรงต่อไปอีก โดยประเมินว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจะลดลงมากกว่า 80% ซึ่งจะเป็นปัจจัยซ้ำเติมภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวอยู่ก่อนแล้ว ให้หนักยิ่งขึ้นอีกด้วยและจากการสำรวจยังพบว่า ผู้ประกอบการมีแผนจะลดการจ้างงานในไตรมาสหน้า ในสัดส่วนประมาณ 16% โดยแบ่งเป็นลดการจ้างงานเล็กน้อย 12%และลดการจ้างงานลงมาก 4% อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ทำสำรวจนั้นสถานการณ์ระบาดของโควิดยังไม่รุนแรงมากนัก จึงมีความเป็นไปได้ว่าในปัจจุบันนี้ ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวจะมีแนวโน้มเลิกจ้างงานเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม

ทั้งนี้ คาดว่าตลอดไตรมาส 1/2563 นี้ ประเทศไทยจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติราว 6.70 ล้านคน ลดลง 37.96% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2562 และคาดว่ามีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 343,130 ล้านบาท ลดลง 38.4% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2562 และหากสถานการณ์โรคระบาดของไวรัสโควิดคลี่คลายได้เร็ว หรือภายใน 6 เดือนแรกของปี คาดว่าถึงสิ้นปี 2563 ประเทศไทยจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 26.59 ล้านคน ลดลงประมาณ 33.19% เมื่อเทียบกับปี 2562 และคาดว่ามีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 1.23 ล้านล้านบาท ลดลงจากปีก่อนประมาณ 36.38%

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในช่วงที่ทำการสำรวจข้อมูลดังกล่าวนี้ การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะยังไม่รุนแรงเท่าปัจจุบัน แต่ผู้ประกอบการในธุรกิจท่องเที่ยวส่วนใหญ่ต่างมีความกังวลเกี่ยวกับภาวะการแพร่ระบาดของไวรัสมากที่สุด โดยพบว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่ (40%) คาดว่าผลกระทบดังกล่าวจะคลี่คลายได้ในช่วงไตรมาส 3/2563 หรือประมาณเดือนตุลาคม ที่นักท่องเที่ยวต่างชาติน่าจะกลับมาเที่ยวประเทศไทยในภาวะเกือบปกติ (สำรวจถึง 10 มีนาคม) และรองลงมาคือ ปัญหาการชะลอตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ

“ชัยรัตน์” บอกด้วยว่า หากแยกตามภูมิภาคจะพบว่า ผู้ประกอบการในภาคใต้, ภาคเหนือ, ภาคตะวันออก และกรุงเทพฯ มองว่าปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบมากที่สุด คือ การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ขณะที่ผู้ประกอบการในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ มองว่าปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศส่งผลกระทบต่อพวกเขามากกว่าไม่เพียงเท่านี้ยังพบว่า กลุ่มธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดมากที่สุด คือ สวนสนุกและธีมพาร์ค ตามด้วยบริษัทนำเที่ยว, ธุรกิจในภาคขนส่ง และโรงแรม

ขณะที่ธุรกิจในกลุ่มร้านอาหาร, สินค้าที่ระลึก และสถานบันเทิง มองว่าได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศมากกว่าพร้อมกันนี้ยังเสนอให้ภาครัฐใช้มาตรการที่เข้มงวดเพื่อควบคุมการระบาดด้วยวิธีจำกัดการเดินทาง และใช้อำนาจตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน บังคับให้ประชาชนผู้เดินทางไปในพื้นที่สาธารณะใส่หน้ากากผ้า หรือหน้ากากอนามัยแบบต่าง ๆ เพื่อลดอัตราการแพร่ระบาดของโรค

ที่สำคัญ อยากให้เมสเซจของการสื่อสารเป็นไปในทางเดียวกัน เพื่อสร้างความเข้าใจและความร่วมมือทุกภาคส่วนและเร่งเยียวยาประชาชนและผู้ประกอบการด้านต่าง ๆ อย่างเร่งด่วนให้เกิดผลในทางปฏิบัติ ซึ่งจะส่งผลให้ระบบเศรษฐกิจสามารถฟื้นตัวได้เร็ว หลังสถานการณ์ระบาดผ่านพ้นไป

CR:ประชาชาติธุรกิจ