ทรัมป์ต่อเวลาการใช้ ‘ระยะห่างทางสังคม’ ในสหรัฐ

จันทร์ที่ 30 มีนาคม 2563 เวลา 07.44 น. เดลินิวส์

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขยายระยะเวลาเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติในสังคม เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในสหรัฐ และยอมรับว่าการเสียชีวิตจากโรคนี้ในสหรัฐ “อาจถึงจุดวิกฤติสุดในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า”

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 29 มี.ค.ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แถลงเมื่อวันอาทิตย์ เกี่ยวกับสถานการณ์เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ “โควิด-19” ว่าเขาได้ขยายระยะเวลา “ขอความร่วมมือ” แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับระยะห่างทางสังคม ให้มีผลจนถึงวันที่ 30 เม.ย.นี้ เช่นเดียวกับการที่สถานประกอบการ “สมัครใจ” ปิดกิจการชั่วคราว

ทั้งนี้ ทรัมป์กล่าวถึงความคาดหวังส่วนตัว ว่าสหรัฐจะ “ฟื้นตัวอย่างเต็มที่” ภายในวันที่ 1 มิ.ย.นี้ การประกาศดังกล่าวถือเป็นการปรับเปลี่ยนท่าทีของผู้นำสหรัฐ ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้วกล่าวว่าต้องการให้อเมริกา “กลับมาเป็นปกติ” ภายในวันที่ 12 เม.ย.นี้ ซึ่งเป็นช่วงเทศกาลอีสเตอร์

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ของโรคโควิด-19 ในสหรัฐยังคงวิกฤติ โดยผู้ป่วยสะสมเพิ่มเป็นมากกว่า 140,000 คน และเสียชีวิตมากกว่า 2,000 คน ซึ่งทรัมป์ยังคงเลี่ยงกล่าวถึงเรื่องนี้โดยตรง แต่ตั้งสมมติฐานว่าอัตราการเสียชีวิตจากโรคนี้ในสหรัฐ “จะถึงจุดสูงสุดภายในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า” เพราะฉะนั้น “จำเป็นอย่างยิ่ง” ที่ประชาชนต้องปฏิบัติตามแนวทางของรัฐ

เกี่ยวกับประเด็นการขาดแคลนเครื่องมือแพทย์ โดยเฉพาะเครื่องช่วยหายใจ ทรัมป์ยืนยันว่ารัฐบาลกลางแจกจ่ายเวชภัณฑ์ที่จำเป็นทุกประเภทไปยังโรงพยาบาลทั่วประเทศแล้ว แต่กลับมี “โรงพยาบาลบางแห่ง และบุคลากรการแทพย์บางกลุ่ม” กักตุนข้าวของที่จำเป็น ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเข้าไปจัดการ นำสิ่งของเหล่านั้นออกมาแล้วส่งต่อให้กับโรงพยาบาลที่ต้องการ “อย่างแท้จริง” โดยเขาถือว่าการเก็บเครื่องมือแพทย์เหล่านั้นไว้โดยยังไม่นำออกมาใช้หมายความว่า “ยังไม่ต้องการ”

ท่าทีของทรัมป์ในเรื่องนี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วัน หลังผู้นำสหรัฐใช้อำนาจตามความในกฎหมายยุทธภัณฑ์ ฉบับปี 2493 สั่งให้บริษัทเจเนอรัล มอเตอร์ส  ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของประเทศ ผลิตเครื่องช่วยหายใจ และตำหนิอีกฝ่ายว่าทำให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง “เสียเวลา” กับการเจรจา.

เครดิตภาพ : REUTERS

CR: เดลินิวส์