อังคารที่ 24 มีนาคม 2563 เวลา 07.32 น. เดลินิวส์

รัฐบาลสหราชอาณาจักรประกาศ “ปิดเมือง” เป็นเวลาอย่างน้อย 3 สัปดาห์ ขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการออกนอกเคหะสถาน เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่คร่าชีวิตประชาชนในประเทศแล้วมากกว่า 300 คน
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงลอนดอน ประเทศสหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 24 มี.ค.ว่านายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน แถลงผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ เมื่อวันจันทร์ มีสาระสำคัญว่า นับจากนี้ไปเป็นเวลาอย่างน้อย 3 สัปดาห์ รัฐบาล “ขอให้ทุกคนอยู่บ้าน” เนื่องจากเป็นเรื่องสำคัญที่ตอนนี้ทุกคนต้องร่วมมือกันเพื่อยับยั้งการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ “โควิด-19” จากภายนอกสู่ครัวเรือน
อย่างไรก็ตาม ประชาชนยังคงสามารถออกจากบ้านเรือนได้ ในกรณีที่ต้องไปซื้อหาสินค้าจำเป็น ไปพบแพทย์ ซื้อยาที่ร้านขายยา และการไปทำงาน “ที่เร่งด่วน” หรือจำเป็นถึงขีดสุดจนไม่สามารถทำจากที่บ้านได้ ขณะที่สถานประกอบการซึ่งสามารถเปิดให้บริการได้ ต้องเกี่ยวข้องกับอาหาร ยา เวชภัณฑ์ และสิ่งของเบ็ดเตล็ด ตลอดจนบริการที่ “มีความจำเป็น” กับการดำรงชีวิตเท่านั้น
ในส่วนของงานแต่งงานขอให้เลื่อนไปก่อน งานศพสามารถจัดได้แต่ขอให้มีขนาด “จำกัดที่สุด” ห้องสมุดและศาสนสถานปิดให้บริการ แม้สวนสาธารณะจะยังคงเปิดให้ประชาชนเข้าไปพักผ่อนหย่อนใจได้ตามปกติ แต่หากยังคงีการรวมตัว “เกิน 2 คน” ตำรวจมีอำนาจในการจับปรับ สั่งให้การรวมกลุ่มนั้นยุติ หรืออาจถึงขั้นปิดสวนสาธารณะแห่งนั้น นอกจากนี้ ตำรวจยังมีอำนาจตรวจสอบพฤติกรรมนอกเคหะสถานของประชาชน ที่เข้าข่ายละเมิดมาตรการนี้ โดยขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของเจ้าหน้าที่

ทั้งนี้ รัฐบาลสหราชอาณาจักรให้เหตุผลประกอบการยกระดับมาตรการ ว่าเป็นผลจากการที่ประชาชนไม่ให้ความร่วมมือกับ “การขอความร่วมมือ” จากทางการ ในการขอให้ “รักษาระยะห่างทางสังคม” อย่างน้อย 2 เมตร
ด้านนายแมตต์ แฮนค็อก รมว.กระทรวงสาธารณสุขของสหราชอาณาจักร กล่าวว่ารัฐบาลรับทราบคววามวิตกกังวลของบุคลากรการแพทย์ ทั้งในเรื่องเครื่องมือแพทย์ และสิ่งของจำเป็นสำหรับการดำรงชีวิต โดยกองทัพจะเป็นผู้ดำเนินการจัดส่งข้าวของจำเป็นให้กับบุคลากรการแพทย์ตลอด 24 ชั่วโมง
อนึ่ง จำนวนผู้ป่วยสะสมในสหราชอาณาจักรจากการป่วยด้วยโรคโควิด-19 เพิ่มเป็นอย่างน้อย 6,650 คน แม้รักษาหายแล้ว 135 คน แต่เสียชีวิตอย่างน้อย 335 คน นับตั้งแต่มีการยืนยันผู้ป่วยคนแรกเมื่อวันที่ 31 ม.ค. และผู้เสียชีวิตคนแรกเมื่อวันที่ 5 มี.ค.ที่ผ่านมา.
เครดิตภาพ : REUTERS
CR: เดลินิวส์
