ความต้องการน้ำมันโลกลดลง ครั้งแรกในรอบ1ทศวรรษ

อังคารที่ 10 มีนาคม 2563 เวลา 10.15 น. เดลินิวส์

อุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกปีนี้ลดลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2552 ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากวิกฤติเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ และผันผวนมากขึ้นด้วย “สงครามราคา” ระหว่างซาอุดีอาระเบียกับรัสเซีย

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 10 มี.ค. ว่าทบวงพลังงานระหว่างประเทศ ( ไออีเอ ) เผยแพร่รายงานเมื่อวันจันทร์ ลดการประมาณอุปสงค์น้ำมันดิบโลกในปีนี้ ว่าจะหดตัวเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2552 หลังราคาสัญญาณซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้าในตลาดโลกร่วงเป็นสถิตต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2534 ซึ่งเป็นช่วงสงครามอ่าวเปอร์เซีย จากข้อพิพาทเรื่องการกำหนดราคาน้ำมันดิบ ระหว่างซาอุดีอาระเบียที่เป็นหัวเรือใหญ่ขององค์การกลุ่มประเทศผู้ส่งน้ำมันออก( โอเปก ) กับรัสเซียซึ่งเป็นผู้ผลิตนอกโอเปกรายใหญ่ที่สุด

ทั้งนี้ ไออีเอคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันดิบในตลาดโลกในภาพรวม จะอยู่ที่ประมาณ 99.9 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2563 ลดลงเกือบ 1 ล้านบาร์เรล ขณะที่ความต้องการน้ำมันดิบของตลาดโลกในช่วงไตรมาสแรกของนี้ลดลง 2.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือประมาณ 2.5%

ด้านทิศทางตลาดน้ำมันโลกในระยะกลาง มีการตั้งสมมติฐาน “ในภาวะเลวร้ายที่สุด” ว่าในขณะที่รัฐบาลทั่วโลกยังไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ “โควิด-19” ได้ อุปสงค์อาจลดต่ำลงถึง 730,000 บาร์เรลต่อวัน แม้ไออีเอยังเชื่อมั่นว่าท้ายที่สุดแล้วรัสเซียกับซาอุดีอาระเบีย “จะปรับความเข้าใจกันได้” และส่งผลให้ความต้องการน้ำมันดิบในตลาดโลกเพิ่มขึ้นอีก 2.1 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2564

อย่างไรก็ตาม ไออีเอเรียกร้องให้ผู้ผลิตน้ำมันทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกโอเปกหรือไม่ “มีความรับผิดชอบ” เนื่องจากมีปัจจัยเสี่ยงมากพออยู่แล้วจากวิกฤติด้านสาธารณสุขของโรคโควิด-19 แต่กระทรวงการคลังของรัสเซียออกแถลงการณ์เมื่อวันจันทร์ ว่าสามารถ “เอาตัวรอดได้” ในสถานการณ์ที่ราคาน้ำมันคงอยู่ที่ระดับ 25-30 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ( ราว 786.39-943.66 บาท ) “นาน6-10 ปี” โดยยืนยันว่ากองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติมีสินทรัพย์สำรองเพียงพอ.

เครดิตภาพ : REUTERS

CR: เดลินิวส์