‘ผู้นำมาเลเซีย’คนใหม่หวังประชาชนให้การยอมรับ

อาทิตย์ที่ 1 มีนาคม 2563 เวลา 08.59 น. เดลินิวส์

นายมูห์ยิดดิน ยาสซิน ขอความสนับสนุนจากประชาชน หลังรับพระบรมราชโอการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 8 ของมาเลเซีย

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 1 มี.ค. ว่านายมูห์ยิดดิน ยาสซิน แถลงที่บ้านพักในกรุงกัวลาลัมเปอร์ น้อมรับพระบรมราชโอการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 8 ของมาเลเซีย ต่อจากดร.มหาเธร์ โมฮัมหมัด ซึ่งลาออกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะเดียวกัน ยาสซินวัย 72 ปี ขอบคุณ “พันธมิตรทางการเมือง” ที่ให้ความสนับสนุน แต่เหนือสิ่งอื่นใด ผู้นำคนใหม่แสดงความหวังว่าชาวมาเลเซีย “จะยอมรับ” ตัวเขาในฐานะผู้นำคนใหม่เพื่อสร้างอนาคตที่ดีขึ้นให้กับบ้านเมือง

  ทั้งนี้ การขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดทางการเมืองของยาสซินถือเป็น “จุดเปลี่ยนครั้งล่าสุด” และแม้ทำให้สถานการณ์ผ่อนคลายลงบ้าง เนื่องจากอย่างน้อยถือเป็นที่กระจ่าง ว่าใครคือนายกรัฐมนตรีคนใหม่  แต่บรรยากาศในภาพรวมยังถือว่าตึงเครียดและซับซ้อน เนื่องจากยาสซินยังดำรงตำแหน่งประธานพรรคคนพื้นถิ่นสามัคคี ( เบอร์ซาตู ) ที่มีดร.มหาเธร์ โมฮัมหมัด เป็นผู้ก่อตั้งและหัวหน้าพรรค

  ขณะเดียวกัน เสียงสนับสนุนของยาสซินส่วนหนึ่งมาจากอดีตสมาชิกในพันธมิตร “ปากาตัน ฮาราปัน” ซึ่งมีพรรคเบอร์ซาตูและพรรคความยุติธรรมปวงชน ( พีเคอาร์ ) ของนายอันวาร์ อิบราฮิม เป็นแกนนำ และพรรคมลายูสามัคคีแห่งชาติ ( อัมโน ) โดยมีรายงานว่าเสียงสนับสนุนให้กับมูห์ยิดดินอยู่ที่ 114 จากทั้งหมด 222 ที่นั่งในสภาผู้แทนษฎร ซึ่งถือว่าเกินครึ่ง

แม้สำนักพระราชวังออกแถลงการณ์ในเวลาต่อมาด้วยว่า สมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลเลาะห์ทรงขอให้วิกฤติการเมืองในมาเลเซีย “ยุติเพียงเท่านี้” เพื่อให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อไป อย่างไรก็ตาม มหาเธร์กล่าวว่าเขาจะยื่นเรื่องต่อสภา ขอให้มีการประชุมวาระพิเศษ เพื่อพิจารณาว่ามูห์ยิดดิน “มีเสียงสนับสนุนเพียงพอจริงหรือไม่” โดยอดีตผู้นำ 2 สมัยวัย 94 ปี ยืนยันว่าตัวเองมีเสียงสนับสนุน “เพียงพอ” ด้านอันวาร์ยังไม่แสดงท่าทีอย่างเป็นทางการต่อการขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำประเทศของมูห์ยิดดิน

ด้านผู้สันทัดกรณีทางการเมืองในมาเลเซีย “เซอร์ไพรส์” กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และวิตกว่าสถานการณ์จะวุ่นวายมากขึ้นเพราะ “ภูมิหลัง” ของมูห์ยิดดิน ที่ร่วมงานมาแล้วกับหลายพรรค ผ่านมาแล้วหลายตำแหน่ง โดยตำแหน่งสุดท้ายคือ รมว.หระทรวงมหาดไทย ในรัฐบาลสมัยที่ 2 ของมหาเธร์ แต่ทุกฝ่ายกังวลไม่น้อยกับการที่มูห์ยิดดินเคยเป็นหนึ่งในผู้ใกล้ชิดกับอดีตนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค ซึ่งมหาเธร์เคยกล่าวว่า “เป็นการตัดสินใจผิดพลาดที่สุด” ของเขาในการเลือกนาจิบให้เป็น “ทายาท” และเป็นเหตุผลที่ทำให้เขากลับมาเล่นการเมืองอีกครั้ง ด้วยการตั้งพรรคเบอร์ซาตูเมื่อปี 2559 เพื่อ “จัดการ” อีกฝ่าย.

CR: เดลินิวส์