ไวรัสโคโรนามีแนวโน้มกระทบข้อตกลงการค้าสหรัฐ-จีน

พุธที่ 5 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา 09.33 น. เดลินิวส์

ที่ปรึกษาด้านนโยบายเศรษฐกิจของทำเนียบขาวมองสถานการณ์เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในจีนจะมีผลต่อเศรษฐกิจของสหรัฐ “อย่างจำกัด” โดยที่น่าจับตาคือข้อกตลงการค้าชั่วคราวเฟสแรก ซึ่งกำลังจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 15 ก.พ. นี้

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 4 ก.พ. ว่านายแลร์รี คุดโลว์ ที่ปรึกษาด้านนโยบายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว กล่าวเมื่อวันอังคาร เกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวัรสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งมีต้นกำเนิดและศูนย์กลางอยู่ที่เมืองอู่ฮั่น ในมณฑลหูเป่ย์ ทางตอนกลางของจีน ว่าผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานระหว่างประเทศ “ยังไม่น่าถึงขั้นหายนะ” แต่เฉพาะในส่วนของสหรัฐมีแนวโน้มส่งผลกระทบต่อ “ปริมาณและมูลค่า” การส่งออกสินค้าไปยังจีนที่กำลังจะเพิ่มขึ้น ตามแนวทางของ “ข้อตกลงการค้าชั่วคราวระยะที่หนึ่ง” ซึ่งมีการลงนามเมื่อวันที่ 15 ม.ค. และกำลังจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 15 ก.พ. นี้

ทรรศนะดังกล่าวของคุดโลว์ถือว่าคือครั้งแรกอย่างเป็นทางการ ที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของทำเนียบขาวเชื่อมโยงสถานการณ์ของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในจีน กับความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างรัฐบาลของทั้งสองประเทศ โดยคุดโลว์กล่าวต่อไปว่า ภาวะโรคระบาดในจีนจะลดศักยภาพในการนำเข้าสินค้าในประเทศ ที่ตามกรอบข้อตกลงการค้าเฟสแรกกับสหรัฐระบุมูลค่าไว้ที่ 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 6.22 ล้านล้านบาท )  ภายใน 2 ปีนับจากนี้ และส่วนใหญ่เป็นสินค้าเกษตร แบ่งเป็น 76,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีแรก ( ราว 2.38 ล้านล้านบาท ) และอีก 123,300 ดอลลาร์สหรัฐในปีต่อไป ( ราว 3.83 ล้านล้านบาท ) สูงกว่ามูลค่าสินค้านำเข้าจากสหรัฐที่จีนสั่งซื้อเมื่อปี 2560 ซึ่งเป็นปีแรกที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐ

อย่างไรก็ตาม รายงานโดยคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและความมั่นคงร่วมระหว่างสหรัฐกับจีนระบุว่า จนถึงเวลานี้ยังไม่ได้รับการติดต่อจากรัฐบาลปักกิ่ง ว่าจะขอเลื่อนกำหนดการบังคับใช้ข้อตกลงการค้าระยะที่หนึ่ง ซึ่งทางคณะกรรมธิการมองว่าตอนนี้รัฐบาลปักกิ่งกำลังให้ความสำคัญกับการควบคุมโรคให้ได้เร็วที่สุด กระนั้นรัฐบาลวอชิงตันยังคงจับตาอย่างใกล้ชิด เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อโครงสร้างสาธารณสุขของจีน อาจขยายวงมาถึงความร่วมมือทางการค้า.

เครดิตภาพ : AP

CR: เดลินิวส์