Jan 30, 2020( Last update Jan 30, 2020 12:36 ) VoiceTV

ทีมวิจัยจากสหราชอาณาจักรชี้ นอกจากจีนแล้ว กรุงเทพฯ คือเมืองที่มีความเสี่ยงเผชิญกับการระบาดของ ‘โคโรนาไวรัส’ สูงที่สุดเป็นอันดับ 1 ของโลก
ทีมนักวิจัย WorldPop จากมหาวิทยาลัยเซาแทมป์ตัน (University of Southampton) ในสหราชอาณาจักร เปิดเผยรายงานการวิจัยล่าสุดเมื่อวันที่ 28 ม.ค. 2020 ว่าด้วยความเป็นไปได้ในการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (2019-nCov) ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนในจีนไปแล้วอย่างน้อย 170 ราย และติดเชื้ออีกเกือบ 8,000 คนโดยงานวิจัยชิ้นนี้ระบุว่า ‘กรุงเทพฯ’ คือเมืองที่เผชิญความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่สูงที่สุดเป็นอันดับ 1 ของโลก
WorldPop ซึ่งทำงานร่วมกับอีกหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นมหาวิทยาลัยโตรอนโตของแคนาดา โรงพยาบาลเซนต์ไมเคิลในแคนาดา องค์กรด้านการควบคุมโรคBluedot ในโตรอนโต และศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของจีน (China Centre for Disease Control and Prevention) เปิดเผยว่า ผลวิจัยดังกล่าวมาจากการรวบรวมข้อมูลการเดินทางและจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางจากจีนเข้ามายังกรุงเทพฯ
ขณะที่เมืองใหญ่อย่างฮ่องกงรั้งอันดับ 2 ในผลการศึกษา อันดับ 3 คือกรุงไทยเปของไต้หวัน อันดับ 4 คือกรุงโซลของเกาหลีใต้ และกรุงโตเกียวของญี่ปุ่นอยู่ที่อันดับ 5 ส่วนมหานครใหญ่อย่างกรุงลอนดอนของอังกฤษและนิวยอร์กของสหรัฐฯก็ติดอยู่ใน 20 อันดับแรกเช่นกัน ซึ่งลอนดอนคือเมืองที่เผชิญความเสี่ยงที่สุดในสหภาพยุโรป
ทั้งนี้งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยเซาแทมป์ตันระบุว่า ‘ประเทศ’ ที่เสี่ยงต่อการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่มากที่สุดคือ ประเทศไทยอันดับ 1, ญี่ปุ่นอันดับ 2, ฮ่องกงอันดับ 3, สหรัฐฯอันดับ 6, ออสเตรเลียอันดับ 10, และสหราชอาณาจักรอันดับ 17
ล่าสุดมีการประกาศอย่างเป็นทางการแล้วว่าพบการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาทั่วทุกภูมิภาคของจีนแล้ว ซึ่งเมืองที่เผชิญความเสี่ยงสูงที่สุดในจีนแผ่นดินใหญ่คือ ปักกิ่ง กว่างโจว เซี่ยงไฮ้ และฉงชิ่ง ตามมาด้วยมณฑลกว่างตง เจ้อเจียง เสฉวน และเหอหนาน
ทีมนักวิจัยอธิบายว่า ผลวิจัยในครั้งนี้อยู่บนพื้นฐานการวิเคราะห์จำนวนของผู้ที่เดินทางออกจากศูนย์กลางการระบาดไปยังพื้นที่ต่างๆ โดยอาจยังไม่แสดงอาการใดๆ เพราะอาจได้รับเชื้อมาในระยะขั้นต้น ซึ่งระยะฟักตัวของไวรัสโคโรนานั้นอยู่ที่ประมาณ 14 วันหลังการรับเชื้อ และจากที่นายกเทศมนตรีเมืองอู่ฮั่นได้ออกมายอมรับไปก่อนหน้านี้ จำนวนทั้งหมดของประชาชนที่เดินทางออกมาจากอู่ฮั่นก่อนการสั่งปิดเมืองคือประมาณ 5 ล้านคน ซึ่งส่วนใหญ่ที่เดินทางออกนอกประเทศมีจุดหมายปลายทางที่สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ
Dr. Shengjie Lai หัวหน้าทีมวิจัยชี้ว่า การระบาดของโคโรนาไวรัสเกิดขึ้นด้วยอัตราที่รวดเร็ว และทางทีมวิจัยก็กำลังจับตาอย่างใกล้ชิด เพื่อรายงานผลการวิเคราะห์ที่ทันเหตุการณ์ต่อสาธารณะได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงประเด็นที่ว่ามาตรการการประกาศระงับการเดินทางในจีนนั้นมีประสิทธิภาพมากเพียงใดในการรับมือกับการระบาดของไวรัส
CR: VoiceTV
