เมืองอู่ฮั่นประกาศตัวเองเป็นจุดเสี่ยงโรค วอนประชาชน ออกห่าง

พุธที่ 22 มกราคม 2563 เวลา 14.30 น. สำนักข่าวไทย

เทศบาลเมืองอู่ฮั่นของจีน “ขอความร่วมมือ” ประชาชนงดเดินทางออกจากเมือง และนักท่องเที่ยวจากภายนอกยังไม่ควรเข้าสู่พื้นที่ในช่วงนี้ เพื่อหวังช่วยลดความรุนแรงในการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ที่คร่าชีวิตประชาชนแล้ว 9 คน

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน เมื่อวันที่ 22 ม.ค.ว่านายจ้าว เซียนหวัง นายกเทศมนตรีเมืองอู่ฮั่น เมืองเอกของมณฑลหูเป่ย์ ในภาคกลางของจีน แถลงเมื่อวันพุธ ว่าสภาเทศบาลเมืองอู่ฮั่นมีมติยกเลิกจัดงานเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีนประจำปีนี้ และขอความร่วมมือจากชาวเมืองอู่ฮั่น ซึ่งปัจจุบันมีประมาณ 11 ล้านคน หลีกเลี่ยงการเดินทางออกนอกพื้นที่ เช่นเดียวกับประชาชนจากเมืองอื่น และนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศยังไม่ควรเดินทางมายังเมืองอู่ฮั่นในระยะนี้ เพื่อหวังบรรเทาความรุนแรงในการแพร่กระจายเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งพบว่ามีต้นกำเนิดในเมืองอู่ฮั่น เมื่อเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว

ขณะเดียวกัน ทางการได้ติดตั้งเครื่องเทอร์โมสแกนขนาดใหญ่ตามสถานีรถไฟ สถานีรถประจำทาง สถานที่ราชการ และสนามบิน โดยมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงประจำการอยู่ทุกจุดติดตั้ง เพื่อคัดกรองผู้ต้องสงสัยมีอาการป่วย ทั้งนี้ คณะกรรมการสาธารณสุขแห่งชาติในกรุงปักกิ่งรายงานจำนวนผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่อยู่ที่อย่างน้อย 9 คน เป็นชาวเมืองอู่ฮั่นทั้งหมด และผู้ติดเชื้อสะสมอย่างน้อย 440 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวเมืองอู่ฮั่น นอกจากนี้ยังมีประชาชนในเมืองอื่นของมณฑลหูเป่ย์ กรุงปักกิ่งและเมืองเซี่ยงไฮ้ ท่ามกลางความกังวลว่าเชื้อโรคอาจแพร่จากคนสู่คน และการกลายพันธุ์ที่จะยิ่งทำให้เพิ่มความยากลำบากในการควบคุม

ด้านจำนวนผู้ติดเชื้อในต่างประเทศที่ได้รับการยืนยันแล้วจากองค์การอนามัยโลก ( ดับเบิลยูเอชโอ ) คือไทย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และสหรัฐ ขณะที่รัฐบาลไต้หวันซึ่งไม่ได้เป็นสมาชิกของดับเบิลยูเอชโอ เรียกร้องหน่วยงานด้านสาธารณสุขของยูเอ็นแห่งนี้ ไม่ควรนำประเด็นการเมืองมาปะปนกับสถานการณ์ฉุกเฉินเช่นนี้ เนื่องจากไต้หวันพบผู้ติดเชื้อแล้ว 1 คนแต่ยังไม่อยู่ในรายงานของดับเบิลยูเอชโอ และประธานาธิบดีไช่ อิง-เหวิน กล่าวว่าพลเมืองไต้หวัน 23 ล้านคนกำลังอยู่ในความเสี่ยงของการได้รับเชื้อไวรัสอูฮั่นเช่นกัน เพราะเป็น “แนวหน้า” ไม่ต่างจากฮ่องกงและมาเก๊า.

เครดิตภาพ : AFP

CR: เดลินิวส์