อาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน 2562 เวลา 08.34 น. เดลินิวส์

ความตกลงการค้าเสรีขนาดใหญ่ที่สุด “อาร์เซ็ป” ที่ริเริ่มโดยอาเซียน จะได้ไปต่อหรือไม่ ขึ้นอยู่กับท่าทีของอินเดียเพียงประเทศเดียวแล้วในตอนนี้
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 3 พ.ย. โดยอ้างจากแหล่งข่าวด้านการทูตของจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ตลอดจนสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ( อาเซียน ) ว่าการเจรจาความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค ( RCEP ) “คืบหน้าไปมาก” โดยอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ และคู่เจรจาอีก 5 ประเทศ ได้แก่จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ “เห็นชอบในหลักการพื้นฐาน” เรียบร้อยแล้ว หมายความว่าเหลืออีกเพียงประเทศเดียวคืออินเดีย ซึ่งทุกฝ่ายเชื่อว่าหากรัฐบาลนิวเดลี “ประนีประนอม” การประการบรรลุข้อตกลงอาร์เซปจะเกิดขึ้นทันตามกำหนดคือในวันจันทร์ที่ 4 พ.ย. นี้
ขณะที่นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี กล่าวว่าอินเดียหวังให้คู่เจรจาทุกประเทศ “มีความมุ่งมั่นและจริงจังกว่านี้” เกี่ยวกับการยกระดับอุตสาหกรรมการบริการ แม้รัฐบาลนิวเดลีเชื่อมั่นใน “ผลลัพธ์ที่สมดุล” จากการหารืออาร์เซ็ป ผู้นำอินเดียกล่าวด้วยว่า ทุกข้อเสนอของรัฐบาลนิวเดลีนั้นตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงและความจริงใจ อีกทั้งเป็นข้อเสนอที่ “สมเหตุสมผล” อินเดียจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการเจรจาอาร์เซ็ป “ในขั้นตอนสุดท้าย” จะสามารถสร้างผลประโยชน์ให้คู่เจรจาได้อย่างเท่าเทียมกัน
ทั้งนี้ ข้อเสนอที่อินเดียผลักดันมานานรวมถึงการเคลื่อนไหวอย่างเสรีของแรงงาน และการเปิดตลาดให้กับสินค้า “อย่างจำเพาะเจาะจง ที่มีการลดอัตราภาษีและอยู่ภายใต้การพิทักษ์ด้านทรัพย์สินทางปัญญา สื่ออย่างมีนัยว่า อินเดียกังวลกับ “การไหลทะลัก” ของสินค้าจากจีน สอดคล้องกับท่าทีซึ่งชัดเจนขึ้นตั้งแต่ปีที่แล้ว ว่าอินเดียต้องการให้อาร์เซ็ปบรรจุข้อกำหนดเกี่ยวกับเพิ่มความเข้มแข็งในมาตรการปกป้องการนำเข้าสินค้า
อนึ่ง อาเซียนเป็นฝ่ายร่วมกันริเริ่มแนวคิดอาร์เซ็ป เมื่อปี 2555 และการเจรจาดำเนินเรื่อยมาตั้งแต่ปี 2556 หากประสบความสำเร็จโดยมีการลงนามในปีนี้ และการให้สัตยาบันของรัฐสภาแต่ละประเทศเพื่อให้ข้อตกลงมีผลบังคับใช้ภายในปี 2563 มูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ( จีดีพี ) ของสมาชิกอาร์เซ็ปทั้งหมดจะมีสัดส่วนรวมกันคิดเป็น 1 ใน 3 ของโลก ถือเป็นเขตการค้าเสรีขนาดใหญ่ที่สุด.
เครดิตภาพ : AFP, REUTERS
CR: เดลินิวส์
